“นพดล” เล็งยื่นหนังสือถึงนายกฯ สอบขุดเจาะน้ำมันพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเขมร ลั่นหากมีข้อมูลอย่าแค่ขู่ ให้เปิดเผยออกมา ชี้ ทำสังคมค้างคาใจ คุย “บิ๊กจิ๋ว” เพื่อนเยอะ คบหาเพื่อนบ้านช่วยสร้างสัมพันธ์ประเทศได้ดีกว่ารัฐ ตะแบง “นายใหญ่” ไม่เคยทุจริต เช่น “รักเกียรติ” ซัดอย่าใช้มาตรฐานเดียวกัน
วันนี้ (30 ต.ค.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ สมัยเป็นฝ่ายค้านโจมตีตนในขณะเป็น รมว.ต่างประเทศ กรณีลงนามแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ว่า ทำเพื่อไปตอบแทนกัมพูชา ที่ให้สัมปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ประเด็นนี้มีการนำไปพูดบนเวทีพันธมิตรฯ และบิดเบือนอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ตนเคยทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายกฯ ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2552 เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ และวันนี้จะยื่นหนังสือเปิดผนึกอีกครั้งเรียกร้องให้นายกฯสั่งการให้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และหน่วยงานของรัฐเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างกันมาว่าเป็นอย่างไร เพราะการทำสัมปทานตามที่กล่าวอ้างเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นต้องมีเอกสาร ขอท้าว่า ถ้าพบว่ามีหุ้นหรือสัมปทาน สัญญาเรื่องน้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติ ในอ่าวไทย หรือที่ใดก็ตาม เราจะยกให้คนที่ไปค้นพบทั้งหมดฟรี ถ้า นายอภิสิทธิ์ ไม่ดำเนินการแสดงว่ามันไม่มี นี่เป็นเรื่องที่ค้างคาใจสังคมรัฐบาลพยายามบิดเบือนพวกเรามาโดยตลอด สาเหตุที่มาแถลงเรื่องนี้ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ออกมาขู่ว่าจะเปิดโปงความสัมพันธ์ด้านธุรกิจระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ สมเด็จฮุน เซน ตนก็ท้ากลับว่าถ้ามีอะไรเป็นหลักฐานก็รีบเอามาจะได้พิสูจน์ สังคมจะได้ทราบข้อเท็จจริง เป็นประโยชน์ จะได้เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเสียที
นายนพดล ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบผู้นำต่างประเทศ ตีถูกโจมตีว่า เป็นการชักศึกเข้าบ้านนั้น ว่า ท่านมีเพื่อนมากมายก็มีสิทธิ์ที่จะเดินทางไปพบปะเพื่อนฝูง รัฐบาลอาจจะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ พล.อ.ชวลิต ก็ไปช่วยทำงาน มันเป็นนโยบายใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่ตนได้ยินตามสโลแกนที่จะเปิดตัวเร็วนี้ ว่า ไทยร่มเย็น เป็นมิตรเพื่อนบ้าน ส่วนเรื่องที่มีความพยายามถอดยศและริบเครื่องราชฯอดีตนายฯนั้น ชี้แจงไปแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง รัฐบาลพยายามทำลายความน่าเชื่อถืออดีตนายกฯ รัฐบาลลืมสโลแกน ประชาชนต้องมาก่อน ตอนนี้สโลแกน คือ ทักษิณต้องถูกทำลายก่อน ปัญหาประชาชนไว้แก้ทีหลัง และเรื่องดังกล่าวคิดว่าเป็นการใช้ 2 มาตรฐาน เพราะมีนายพลเยอะแยะถูกดำเนินคดี มีคดีอุกฉกรรจ์กว่าอดีตนายกฯ แต่ไม่ถูกถอดยศ ขอย้ำว่า เรื่องนี้จะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมครั้งใหม่ อยากให้รัฐบาลทำงานสำเร็จแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่รัฐบาลกลับไปแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่สาระของบ้านเมือง สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ควรต้องทำคือการตั้ง ผบ.ตร.ให้เร็วที่สุด หน่วยงานทุกหน่วยงานต้องมีผู้นำ การตั้งผบ.ตร.เรื่องง่ายๆยังทำไม่ได้ ก็หวังว่าจะมีการแต่งตั้งเร็วๆ นี้
“ขณะนี้สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ เดือดร้อนถึงประชาชน แต่รัฐบาลยังเล่นการเมือง พยายามทำร้ายอดีตนายกฯทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถอดยศ คาดเดาจะมีความสัมพันธ์พิเศษสมเด็จฮุนเซน แทนที่จะไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ความจริงตนก็เรียนที่เดียวกับนายกฯแต่ไม่เคยถูกสอนให้พูด เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น วันนี้นายกฯต้องเริ่มทำงานแล้ว” นายนพดล ระบุ
เมื่อถามถึงกรณี นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมว.สาธารณสุข ที่ถูกจำคุกคดีทุจริตยา และล่าสุด ได้รับการปล่อยตัว แนะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษและปฏิบัติตัวได้ดี อาจได้รับการปฏิบัติเหมือนตัวเอง นายนพดล กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูรายละเอียดการให้สัมภาษณ์ของนายรักเกียรติ แต่นายรักเกียรติ ยอมรับเองว่า มีการทุจริต และเป็นคนละกรณี แต่คดี พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดินรัชดาฯ ถ้ามีใจเป็นธรรมจะรู้เลยว่าไม่มีการโกงชาติไม่เสียหาย ทำโดยสุจริตไม่ผิดกฎหมาย เพียงแต่ผิดขั้นตอน และผู้ตัดสินก็ต่างกรรมต่างวาระกัน นายรักเกียรติ ว่าไปตามปกติ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินโดย คตส.ที่เป็นปฏิปักษ์ แต่งตั้งโดย คมช.ภายหลังการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งมุ่งหมายทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนตัวคิดว่าคดีของ นายรักเกียรติชาติเสียประโยชน์ เพราะซื้อยาแพง แต่คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชาติได้ประโยชน์ เพราะคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ซื้อของแพง