การตัดสินใจก้าวเข้าสู่พรรคเพื่อไทยในวัยใกล้ 80 ปีของ “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” ที่ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรี เมตตาให้คำเตือนสติว่า “ระวังจะเป็นการกระทำที่ทรยศต่อชาติ”
เริ่มปรากฏภาพให้สาธารณชนเห็นชัดเจน
เพราะเพียงแค่เดินสายไปเยือน “กัมพูชา” ประเทศเดียว ก็นำเอาการเมืองนอกประเทศเข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในของประเทศไทย จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ระหองระแหงกันอยู่แล้ว จากกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร เข้าสู่ภาวะเสื่อมทรามทางความสัมพันธ์ถึงขั้นกำลังบานปลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนสองประเทศ
เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นการเปลือยตัวตนของ “พล.อ.ชวลิต” อีกครั้ง
ที่ใช้คำว่า “อีกครั้ง” เพราะบทบาทของ “พล.อ.ชวลิต” ทั้งในฐานะผู้นำกองทัพและนายทหารที่ผันตัวเองมาเป็นนักการเมือง เคยใช้วิธีการนำไฟนอกเข้าสุมบ้านตัวเองมาแล้ว
ในปี 2543 พล.อ.ชวลิต ซึ่งในขณะนั้นเป็นฝ่ายค้าน ได้หยิบยกประเด็น นายซก เยือน อดีตกรรมการบริหารพรรคสมรังสี (พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนการลอบสังหาร “สมเด็จฯ ฮุนเซน” จากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายยิงจรวดใส่ขบวนรถของฮุนเซน ที่จังหวัดเสียมราฐ เมื่อปี 2541
โดย “พล.อ.ชวลิต” อภิปรายเรื่องของ“นายซก เยือน” ในสภาผู้แทนราษฎร อ้างเทปลับยืนยันว่า “นายซก เยือน” หลบหนีมากบดานในประเทศไทย และเรียกร้องให้รัฐบาลชวน หลีกภัย ในขณะนั้นส่งตัว “นายซก เยือน” กลับกัมพูชา ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ทั้งๆ ที่ “นายซก เยือน” ได้รับการรับรองจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ตั้งแต่ปี 2542 ให้มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย ซึ่งได้รับการคุ้มครองดูแลไม่ให้ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตัวเอง
และในขณะนั้นก็ไม่ปรากฏข้อเรียกร้องใดๆ จากรัฐบาลกัมพูชาว่าต้องการตัว “นายซก เยือน”
แต่เมื่อ พล.อ.ชวลิต เปิดประเด็นร้อน นำเรื่องนอกประเทศมาสร้างแรงกดดันรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ก็ทำให้ “สมเด็จฯ ฮุนเซน” ออกมารับลูกทันที ทำให้รัฐบาลไทยตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
คำถามคือ หากรัฐบาลกัมพูชาต้องการตัว “นายซก เยือน” จริง ก็น่าจะมีความเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลไทยนานแล้ว ไม่ใช่รอเวลาผ่านไปถึง 2 ปี จน “พล.อ.ชวลิต” มาเปิดปมร้อน จึงค่อยเดินตามก้น “พล.อ.ชวลิต” จี้ให้รัฐบาลไทยส่งตัว “นายซก เยือน” กลับกัมพูชา
ที่สำคัญคือ นอกจากความเคลื่อนไหวของ “พล.อ.ชวลิต” แล้ว ในห้วงเวลาเดียวกันสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของทหาร ได้นำวิดีโอเทปบันทึกคำสารภาพของ “นายซก เยือน” ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างเป็นเงิน 410,000 เหรียญสหรัฐ ให้สังหาร “นายฮุนเซน” มาเผยแพร่โดยไม่มีการระบุถึงที่มา
เรื่องดังกล่าวยิ่งกลายเป็นประเด็นที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชานำมาใช้เป็นข้ออ้างในการกดดันรัฐบาลไทยมากขึ้น ขณะที่ “พล.อ.ชวลิต” ได้ประโยชน์ในการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในสายตาของคนไทย
ไม่น่าเชื่อว่าผ่านไป 9 ปี การสมรู้ร่วมคิดโดยตัวละครเดิมคือ พล.อ.ชวลิต กับ สมเด็จฮุนเซน ในลักษณะใช้การเมืองระหว่างประเทศมากดดันการเมืองภายในประเทศ จะย้อนกลับมาหลอกหลอนคนไทยอีกครั้ง
เป็นความจริงอันน่าอดสูที่สังคมไทยต้องกลับมาทบทวนว่า ผลจากความทะเยอทะยานทางการเมืองของคนๆหนึ่ง ได้สร้างบาดแผลขยายความขัดแย้งภายในประเทศ ด้วยการเปิดประตูเมืองให้ประเทศอื่นเข้ามาแสวงหาประโยชน์ โดยไม่คำนึงเลยว่าแผ่นดินแม่อาจต้องพินาศย่อยยับ
พรุ่งนี้มาต่อยอดเรียนรู้เรื่องราวของ “ซก เยือน” ซึ่งอาจจะกลายเป็นลายแทงให้พอมองเห็นว่า “นช.ทักษิณ” กำลังพยายามจะทำอะไรกับสถานะของตัวเอง โดยใช้ประเทศกัมพูชาเป็นเครื่องมือ