ตาก - ชายแดนปะทะหนัก ทหารพม่าฝ่าแนวระเบิดกะเหรี่ยงหวังถล่มฐาน KNU ด้านทหารไทยใช้เรือเร็วลาดตระเวนป้องกันการล่วงล้ำอธิปไตยตลอดแนวแม่น้ำเมย ขณะที่ มทภ.3 ประสาน UNHCR ช่วยดูแลผู้ลี้ภัยที่ทะลักเข้ามามากขึ้นจนเฉียด 2 พันราย
สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้านตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ยังคงมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง โดยกองกำลังทหารพม่าสนธิกำลังกองกำลังทหารกะเหรี่ยงพุทธ ดีเคบีเอ ฝ่าแนวทุ่นระเบิดเข้าไปได้เข้าโจมตีค่ายเล่อเบอร์เฮ่อ ของทหารกะเหรี่ยงคริสต์ เคเอ็นยู เสียงการยิงอาวุธหนักได้ยินมาถึงฝั่งไทยอย่างชัดเจน
มีรายงานอีกว่า ผลจากการที่ทหารพม่าฝ่าแนววางระเบิดของเคเอ็นยู ทำให้มีทหารพม่าเสียชีวิตมากถึง 8 นาย และได้รับบาดเจ็บกว่า 40 นาย ซึ่งในที่นี้มีนายทหารระดับผู้บังคับกองพันยศพันตรีด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้เหยียบระเบิด 2 รายได้มาขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอแม่สอด จ.ตาก โดยถูกส่งมาจากศูนย์อพยพแม่หละ อ.ท่าสองยาง คนแรกชื่อเนเมียว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลอร์เบอร์เฮ่อ ได้เหยียบกับระเบิดขาซ้ายขาด อีกคนไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 30 ปี ถูกกับระเบิดขาขวาขาด ขณะนี้ทั้ง 2 คนอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว
ขณะที่ พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยผู้ลี้ภัย เนื่องจากมีความอยู่กันอย่างแออัด และห่วงใยในเรื่องของอาหาร และโรคระบาด จึงให้ฝ่ายทหารในพื้นที่ประสานกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ในอำเภอแม่สอดไปช่วยเหลือดูแลช่วยเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบ จำนวน 1,741 คน โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่อุสุ 2 แห่ง และบ้านหนองบัว หมู่ที่ 6 ตำบลแม่สองอีก 1 แห่ง
พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า เป็นห่วงผู้หนีภัยจากการสู้รบ เนื่องจากในวัดมีความแออัด จึงขอให้ทางอำเภอจัดหาเต้นท์ใหญ่มารองรับ เพื่อลดความอัด และเป็นห่วงเรื่องห้องน้ำ เรื่องความสะอาดเพราะเกรงปัญหาโรคระบาด นอกจากนั้นจะประสานสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ และองค์กรพัฒนาเอกชนในการช่วยเหลืออีกด้านหนึ่ง
ด้าน พ.อ.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด ได้สั่งการให้ หน่วยจู่โจมเรือเร็วตรวจการณ์ทหารพรานที่ 35 นำเรือเร็วออกลาดตระเวนตามริมแม่น้ำเมย ตั้งแต่ อ.แม่สอด แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย และเฝ้าดูสถานการณ์ทุกรูปแบบ และยังเสริมกำลังทหารหลักเข้าตรึงชายแดนตลอดแนวเพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย โดยเฉพาะจุดที่มีการปะทะและมีผู้อพยพเข้ามายังฝั่งไทย ซึ่งเป็นเรือที่พึ่งได้รับมอบจาก พล.ท.เผด็จการ จันทร์เสวก เจ้ากรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่เดินทางมาที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 ฐานปฏิบัติการบ้านวังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อมอบเรือเร็วแบบจู่โจมและโจมตีให้กับทหารพราน 35 ใช้ปฏิบัติภารกิจ ลาดตระเวนตามลำแม่น้ำเมย ตามแนวชายแดนที่มีแม่น้ำเมยกั้นกลางระหว่างทางกว่า 500 กม.ในการป้องกันอธิปไตย การปราบปรามยาเสพติด การปราบปรามการโจรกรรมรถข้ามแดน และการลักลอบค้าและขนแรงงานต่างด้าวข้ามฝั่ง ภารกิจตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ฯลฯ มี พ.อ.นพดล วัชรจิตรบวร ผบ.ฉก.ทพ.ที่ 35 รับมอบ
พล.ท.เผด็จการ กล่าวว่า จีนได้ให้การสนับสนุนเรือเร็วโจมตีกับไทยจำนวน 8 ลำ ซึ่ง พ.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส.ได้ให้ตนเองมามอบแทน โดยเรือจำนวน 8 ลำนั้น ทาง กองทัพไทย ได้มอบให้กับกองทัพบก 6 ลำ และกองทัพเรือ 2 ลำ โดยเน้นให้หน่วยปฏิบัติที่อยู่ติดแม่น้ำระหว่างประเทศ มุ่งหวังใช้เพื่อปฏิบัติภารกิจทั้งรักษาดินแดนและการช่วยเหลือด้านบรรเทาสาธารณภัย อุทกภัยและการเข้าช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ
ทั้งนี้ ทหารพรานที่ประจำการชายแดนไทย-พม่า มีความจำเป็นต้องลาดตระเวนปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน ทั้งทางบกและทางแม่น้ำเมย เนื่องจากที่ผ่านมามีการลักลอบโจรกรรมรถข้ามแดน การค้ายาเสพติด ฯลฯ การใช้เรือเร็วโจมตีจึงเป็นยุทธวิธีอีกด้านหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติภารกิจ
สำหรับพื้นที่ปฏิบัติงานที่ต้องใช้เรือเร็วโจมตีที่ได้รับมอบออกปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 ประกอบด้วย อ.ท่าสองยางตอนบน รอยต่อเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลำน้ำยวม จดลำน้ำเมย ที่สบเมย อ.แม่ระมาดตอนล่าง และ อ.แม่สอดตอนบน รวมระยะทางพื้นที่ชายแดนประมาณ 80-100 กิโลเมตร
