ปชป.ซัด “ไข่แม้ว” เริ่มเกมขวางงานสภา เชื่อแผน “นายใหญ่” สั่ง

โฆษก ปชป.จี้ “สามารถ” ทบทวนบทบาทตัวเองหลังปล่อยสภาวุ่นวายจนเกือบล่ม เชื่อเป็นเกม “เพื่อแม้ว” ขวางงานในสภา ย้ำ อย่าดึงสถาบันมาเล่นการเมือง ระบุ ผิดหวังฝ่ายค้านเมินถกวิป 3 ฝ่าย เหตุไม่ตอบโจทย์นายใหญ่ วอนทบทวนล้มประชามติ

วันนี้ (23 ต.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 21 และ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีเหตุการณ์ความวุ่นวาย จนไม่สามารถทำให้การประชุมเดินหน้าต่อไปได้ ว่า เห็นชัดว่าขณะนี้ พรรคเพื่อไทย มียุทธศาสตร์ขัดขวาง ไม่ให้การทำงานของสภาเป็นไปอย่างปกติ ซึ่งตนเห็นว่า กลไกของสภาเป็นส่วนสำคัญที่จะป้องกันความขัดแย้ง ดังนั้น จึงอยากให้พรรคเพื่อไทย และ นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภา ทบทวนบทบาทของตัวเอง ว่า มีส่วนสำคัญที่ทำให้สภาเดินหน้าได้หรือไม่ โดยเฉพาะนายสามารถ ที่ต้องทบทวนตัวเองในการทำหน้าที่ ว่า เป็นกลางหรือไม่ รวมทั้งอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายหันมาร่วมมือกันในสภา เจรจาหาทางออกให้กับประเทศ เพื่อให้ประเทศชาติเกิดความสมานฉันท์

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะยื่นกระทู้เรื่อง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อีกครั้งให้นายกรัฐมนตรีตอบคำถามในสัปดาห์หน้า ว่า การที่จะดึงสถาบันที่อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองเข้าสู่สภา เพื่อสร้างเงื่อนไขที่จะสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้สภาทำงานไม่ได้ จากความขัดแย้งดังกล่าว ความจริงเรื่องนี้เป็นการทำหน้าที่ของประธานการประชุม ต้องใช้วิจารณญาณกำหนดประเด็นการประชุม และวางระเบียบวาระทุกอย่าง และต้องไม่สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมการประชุมวิป 3 ฝ่าย ว่า รู้สึกผิดหวัง และไม่เข้าใจว่า ฝ่ายค้านมีเหตุผลอะไรที่ปฏิเสธกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำประชามติ รวมทั้งเป็นห่วงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ออกมายืนยันที่จะไม่เข้าร่วมการประชุม เพราะได้รับคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงทำให้เห็นได้ชัดว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ยังเคลื่อนไหวและขัดขวางกระบวนการที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ และทำให้บ้านเมืองไม่สามารถเดินไปสู่ความสงบสุขได้

“การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาระบุว่า การที่พรรคเพื่อไทย ถอนตัว เพราะมติ 6 ข้อ ของคณะกรรมการสมานฉันท์ ไม่ตรงตามที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอนั้น ไม่เป็นความจริงเลย เพราะพรรคเพื่อไทยมีตัวแทนเข้าร่วมการประชุมโดยตลอด และข้อเสนอทั้ง 6 ข้อ ก็เป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอเอง แต่ประเด็นที่ส่วนใหญ่คัดค้าน คือ มาตรา 309 ที่มองว่าหากมีการแก้ไขมาตราดังกล่าว จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รอดพ้นจากคดีอาญาได้ คงไม่ใช่เป็นเพราะแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่ไม่ตอบโจทย์ต่อสังคม แต่เป็นการไม่ตอบโจทย์ของนายใหญ่มากกว่า” นพ.บุรณัชย์ กล่าว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การที่พรรคเพื่อไทยประกาศจุดยืนที่จะล้มการทำประชามตินั้น จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยทบทวน และหันมาเข้าร่วมกับแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์ อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยไม่เข้าร่วม ก็ไม่มีปลกระทบ เพราะสามารถทำตาม มาตรา 291 ได้