xs
xsm
sm
md
lg

“น้องเดียว” เชื่อปรับ ครม.ไม่ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมพรรคร่วมฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย
รมต.สำนักฯ ชี้เหตุ “มาร์ค” ตรวจสมุดพก รมต.หลังทำงานครบ1ปีถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนจะปรับครม.หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจนายกฯ ย้ำส่งสัญญาณฐานะหัวหน้ารัฐบาล ยันไม่หวั่นแรงกระเพื่อมภายนอก-ภายในพรรค รวมถึงคลื่นใต้น้ำ เพราะ ปชป.มีระบบพรรคดี เตือน พท.ย้อนดูตัวเองเสนอแก้ รธน. แต่ทำไมทิ้งกลางทาง

วันนี้ (21 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะตรวจสมุดพกของรัฐมนตรีทุกคน เพื่อประเมินการทำงานครบ 1 ปีว่า เป็นแนวทางที่นายกรัฐมนตรีจะต้องประเมินการทำงานของรัฐมนตรีทุกคนอยู่แล้ว แต่จะประเมินอย่างไร หรือประเมินแล้วจะใช้ทำอะไร ก็คงขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และในเดือนธันวาคมนี้ จะครบ 1 ปี การทำงานของรัฐบาล ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแล้ว รัฐบาลจะต้องรายงานการดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐในโอกาสครบ 1 ปี รายงานต่อรัฐสภา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการให้คณะกรรมการชุดที่ตนเป็นประธาน เพื่อรวบรวมการทำงาน 6 เดือนของรัฐบาลที่ผ่านมา มารวบรวมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจจะต้องรวบไปถึงการทำงานครบรอบ 1 ปี ที่ต้องรายงานด้วย

นายสาทิตย์กล่าวว่า ส่วนกรณที่นายกรัฐมนตรีจะตรวจสมุดพกของรัฐมนตรีนั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็ทำให้นายกรัฐมนตรีได้ติดตามว่างานของใครแต่ละคนที่ได้ทำไปบ้าง และหากนายกรัฐมนตรีจะทำวิธีไหนก็แล้วแต่ท่าน

เมื่อถามว่า เป็นการส่งสัญญาณหรือไม่ เมื่อครบรอบ 1 ปี จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสาทิตย์กล่าวว่า การปรับ ครม.ก็ขึ้นอยูที่นายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล จะปรับหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี เพราะรัฐมนตรีทุกคนก็ตั้งใจทำงาน แต่ว่าตั้งใจแล้วงานออกมาเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากน้อยแค่ไหน หรือนายกรัฐมนตรีประเมินแล้วมีความพึงพอใจมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการตั้งเกณฑ์ของนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า การที่นายกรัฐมนตรีออกมาพูดในเรื่องดังกล่าว เหมือนเป็นการกระตุ้นรัฐมนตรีให้เร่งแสดงผลงานหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีก็จี้งานทุกสัปดาห์ในการประชุมครม. และทุกเรื่องที่เข้าครม.ก็จะมีการพูดไปถึงกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้อง และเป็นการส่งสัญญาณให้ทราบว่านายกรัฐมนตรีเองก็รับผิดชอบ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ในการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละคน และต้องยอมรับว่าปัญหาต่างๆในการทำงานมันเยอะ ส่วนตัวก็ไม่มีปัญหาอะไร และเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนก็คงยินดีที่จะให้นายกรัฐมนตรีประเมิน

เมื่อถามต่อว่า ทุกครั้งที่มีการส่งสัญญาณที่จะปรับ ครม.จะเกิดแรงกระเพื่อมจากทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและภายในพรรค ตรงนี้มีความกังวลหรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คงไม่น่าเป็นห่วง กระเพื่อมบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง เมื่อถามต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาในระยะหลังการทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลก็มีปัญหากันบ่อย นายสาทิตย์กล่าวว่า ตนก็ได้ทราบข่าวจากวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา และมาเสนอในช่วงเช้าวันที่ 21 ต.ค.ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่ออกมาให้ความเห็นนั้น เป็นเรื่องในเชิงของนโยบายในที่ประชุม ซึ่งก็เกิดขึ้นบ่อย เหมือนกับการประชุมทั่วไป ไม่ว่าที่เป็นที่ไหนก็ตาม ก็อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่คงไม่ได้ไปสู่เสถียรภาพภายในรัฐบาล แต่มีอาจจะมีความรู้สึกที่แสดงออกมา แต่พอหยิบยกมาขยายก็อาจจะดูเป็นเรื่องที่ใหญ่โต แต่ความจริงไม่มีอะไร ครม.ก็ยังทำงานได้ และทุกคนก็รู้ดีว่าปัญหาของประเทศมันเยอะ

เมื่อถามว่า เมื่อมีการส่งสัญญาณปรับ ครม. เกรงเรื่องคลื่นใต้น้ำภายในพรรคหรือไม่ เพราะที่ผ่านมากลุ่มต่างๆ ภายในพรรค ยังคงมีการเคลื่อนไหว นายสาทิตย์กล่าวว่า ไม่กังวลเพราะทุกพรรคก็มีระบบของพรรคภายใน พรรคประชาธิปัตย์ก็มีระบบภายใน และเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสุดท้าย พอมีการประชุมกรรมการบริหารเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ทุกอย่างก็จบลง และให้ความมั่นใจกับประชาชนได้

เมื่อถามว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน และในฐานะว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ออกมาเสนอให้มีการคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปก่อน นายสาทิตย์กล่าวว่า เป็นเพีงความเห็นหนึ่ง ส่วนนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างไร ก็ต้องฟังความเห็น เพราะการประชุมพรรคที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีก็เข้าร่วม และมีการคุยกันหลายเรื่อง

เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะไม่เข้าร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสาทิตย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยคงกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ และยุทธศาสตร์ดังกล่าว คงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องที่ตัวเองเคยเสนอ หากกลับไปทบทวนให้ดี การแก้รัฐธรรมนูญเกิดจากคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง พรรคเพื่อไทยเสนอไป 7 ข้อ รวมถึงมาตรา 309 ด้วย แต่คณะกรรมการรับ 6 ข้อ ของพรรคเพื่อไทย และเป็นของเสนอของพรรคเพื่อไทยเอง พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อเสนอตั้งแต่ต้น มีเพียงมาตราเดียว คือ 190 แต่คณะกรรมการสมานฉันท์เห็นว่า 6 ประเด็นนั้นสมควรเลยรับมา แต่ไม่เข้าใจว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ พรรคเพื่อไทยก็ยกเลิกกลางทาง และเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ในการต่อสู้ ซึ่งยุทธศาสตร์ใหม่นำไปสู่การเมืองที่ระอุคลุกลุ่นมากขึ้น

“เราเองก็พยายามจะดึงทุกอย่างกลับมาว่า ในเมื่อเดินเรื่องสมานฉันท์เพื่อปฏิรูบการเมืองมาดีๆ ไฉนถึงทิ้งกลางทางเสียเล่า ความจริงควรกลับไปศึกษาแนวทางเรื่องสานเสวนาที่ จ.พะเยา ที่แกนนำเลื้อเหลืองเสื้อแดงจับมือสานเสวนา และถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และสมควรที่จะทบทวนท่าทีด้วย เพราะวันนี้คนในกลุ่มเขาเองก็อยากเห็นบ้านเมืองเกิดความสามัคคี” นายสาทิตย์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น