นายกฯ ยันหากพบทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับคนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นใคร พร้อมมั่นใจเศรษฐกิจไทยจะยืนอยู่ในแดนบวกช่วงปลายปีนี้ เตรียมโอกาสการประชุมสุดยอดอาเซียน เรียกความเชื่อมั่นด้านการลงทุน วอนคนในชาติสร้างความสมานฉันท์ฝ่าวิกฤต รู้ทันเสื้อแดงเตรียมป่วนเมือง งัด กม.มั่นคงปราม
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"
วันนี้ (18 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ โดยกล่าวถึงความคืบหน้าในโครงการไทยเข้มแข็งซึ่งกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี เพื่อการกระจายงบประมาณลงสู่ท้องถิ่น ส่วนที่มีข่าวการทุจริตในกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนแล้ว โดยมีนายแพทย์บรรลุ ศิริพาณิชย์ นายแพทย์อาวุโสเป็นประธาน และพล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ เป็นรองประธาน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลการสอบสวนในเร็ววันนี้ และยืนยันหากเกี่ยวข้องกับใครจะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดโดยไม่ละเว้น
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวอีกว่า ในสัปดาห์จะมีการประชุมสุดอาเซียนที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจะมีผู้นำจากประเทศต่างๆ 15 ชาติ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จึงถือเป็นโอกาสดีที่สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนและในฐานะประเทศเจ้าภาพก็ต้องใช้มาตรการที่จะดูแลความเรียบร้อยให้สถานที่การจัดการชุมนุม จึงจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่และในกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะที่เขตดุสิตเพราะรายงานข่าวทราบว่าจะมีบุคคลบางกลุ่มพยายามที่ฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง
ในช่วงที่สองได้มีการนำบันทึกรายการระหว่างที่นายกลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการไทยเข้มแข็งมาออกอากาศ โดยนายอภิสิทธิ์ระบุว่าตลอดการบริหารราชการแผ่นดิน ประมาณ 10 เดือนที่ผ่านมาถือว่ารัฐบาลต้องทำงานหนักมากเพราะต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ไม่หนักใจเท่ากับความแตกแยกในสังคมจนนำไปสู่ความไม่นิ่งทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลขอย้ำว่าความแตกแยกทางความคิดถือเป็นเรื่องปกติ แต่ขอให้การชุมนุมอยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลไม่วิตกว่าจะบริหารประเทศไปได้อีกนายแค่ไหน แต่ยึดว่าในระยะที่บริหารงานอยู่ จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างไร และมั่นใจว่าในช่วง 3 เดือนนับต่อจากนี้เศรษฐกิจไทยจะไปยืนอยู่ที่แดนบวกแน่นอน จึงขอความร่วมมือคนในชาติร่วมกันสร้างสมานฉันท์กอบกู้วิกฤตต่างๆให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ในช่วงสุดท้ายได้มีพิธีกรร่วมได้เข้ามาพูดคุยถึงนโยบายประกันรายได้เกษตรกร โดยยืนยันโครงการนี้จะกระจายไปถึงมือเกษตรกรผู้ปลุกข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลังทุกครัวเรือน เหตุที่ต้องยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเนื่องจากในต้นปี 43 จะมีการเปิดการค้าเสรีในประเทศกลุ่มอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องปรับตัวและพร้อมดูแลเกษตรกร โดยวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เพื่อสำรวจและให้การช่วยเหลือโรงสี ในเรื่องสภาพคล่อง ส่วนเรื่องการอิงราคาข้าวกับต่างชาตินั้น เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่อาจขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะดูแลไม่ให้มีการแข่งขันให้มีการตัดราคากันระหว่างประเทศคู่ค้า