“รองนายกฯ ด้านความมั่นคง” ลั่นจะไม่ยอมให้ม็อบเสื้อแดงป่วนอาเซียนซัมมิทจนล้มไม่เป็นท่าเหมือนเมื่อครั้งพัทยาอีกแน่ มั่นใจ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เอาอยู่ หากเฉียดเข้าใกล้ที่ประชุมเจอดีแน่ ระบุถ้าชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธก็ไม่จำเป็นต้องกลัวรัฐบาลขวาง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (15 ต.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กลุ่มเสื้อแดงประกาศการชุมนุมโดยสงบ หากรัฐบาลขัดขวาง ก็จะเดินทางไปก่อกวนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่หัวหิน รัฐบาลจะฝากอะไรถึงคนเสื้อแดงบ้าง ว่า รัฐบาลยืนยันตลอดเวลาว่าการชุมนุมสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ต้องเป็นไปตามที่ รัฐธรรมนูญ กำหนด การชุมนุมต้องทำด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของประชาชนโดยบริสุทธิ์ การที่จะชุมนุมแล้วขู่ว่าจะไปป่วนการประชุมสุดยอดอาเซียนทำไม่ได้ ส่วนประเด็นจะกล่าวหาว่ารัฐบาลจะไปขัดขวางการชุมนุม ไม่ต้องกังวลใจ ถ้าการชุมนุมเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และเป็นไปตามกฎหมาย รัฐบาลก็ไม่เข้าไปกลั่นแกล้ง ไปขัดขวาง ที่รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศพื้นที่ความมั่นคง เพื่อเข้ามากำกับควบคุมสถานการณ์เพราะรัฐบาลกังวลใจว่าผู้ชุมนุมจะมีการทำผิดกฎหมาย จึงจำเป็นต้องรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ประเด็นอยู่ตรงนี้เท่านั้น
เมื่อถามว่า เราจะให้ความเชื่อมั่นกับผู้นำที่จะมาร่วมประชุมอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลมั่นใจมาตรการที่ได้กำหนด ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งที่ชะอำและหัวหิน ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน มีความเข้มแข็งดี และคิดว่าเราสามารถทำงานให้เรียบร้อยไปได้ คงไม่ยอมให้เหมือนเหตุการณ์ที่พัทยาอย่างแน่นอน หากผู้ชุมนุมเคลื่อนเข้าใกล้สถานที่ประชุม ก็มีวิธีการดำเนินการอยู่แล้ว เป็นวิธีปฏิบัติตามสากล ตั้งแต่ขั้นเบาไปจนถึงขั้นหนัก
ต่อข้อถามว่าการประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง มีการดูแลความปลอดภัยบ้านสี่เสา และ ป.ป.ช. เป็นพิเศษหรือไม่ นายสุเพท กล่าวว่า ในเวลา 16.30 น.วันที่ 15 ต.ค.นี้ ตนในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนายการรักษาความปลอดภัย จะประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กองบัญชาการกองทัพที่ใช้เป็นศูนย์อำนายการรักษาความปลอดภัย เพื่อกำหนดมาตรการว่าในพื้นที่เขตดุสิตตรงไหนจะตั้งจุดตรวจสกัด หรือมีข้อห้ามอย่างใดบ้างจะหารือในรายละเอียด
ส่วนที่เสื้อแดงประกาศตั้งเวทีที่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาลสามารถทำได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้จะประชุมกันก่อน เมื่อถามต่อว่า ถนนที่ 3สายที่ห้ามม็อบเข้า คือถนนนาครปฐม ถนนลูกหลวง ถนนคู่ขนานราชดำเนินนอกยังห้ามเข้าหรือไม่ สุเทพกล่าวว่า รอให้ประชุมเสร็จก่อนแล้วจะแถลงให้ทราบ ซึ่งการที่กลุ่มเสื้อแดงจะนัดแนะเจอกันที่สะพานชมัยมรุเชฐ อย่างไรนั้น ตนคิดว่าเค้าควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่เสื้อแดงยื่นถวายฎีกา และจะมาขอรับทราบความคืบหน้า รัฐบาลจะมีคนมารับเรื่องหรือชี้แจงทำความเข้าใจกับคนเสื้อแดงกันก่อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า บัญชีการยื่นถวายฎีกาที่เสนอมารัฐบาลก็ส่งให้กระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาตรวจสอบ หากทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายตามกติกา กระทรวงยุติธรรมก็จะเสนอกลับมา หากมีปัญหา อย่างไรกระทรวงยุติธรรม ก็คงรายงานให้ทราบ มันเป็นเรื่องที่มีเอกสารจำนวนมาก กระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา และการที่กลุ่มเสื้อแดงใช้เงื่อนไขนี้มาเรียกร้องทวงถามรัฐบาลทำได้ แต่คงจะไปบังคับเขาไม่ได้ ในระบอบประชาธิปไตยการปกครองต้องไปเป็นตามตัวบทกฎหมายจะใช้กำลังบังคับเอาไม่ได้ การใช้กำลังข่มขู่บังคับไม่เหมาะสมทั้งนั้น และไม่สมควร
“กลุ่มคนเสื้อก็อยู่ในกลุ่มเดียวกับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมือง พรรคการเมืองควรต่อสู้ตามกฎเกณฑ์ กติกาที่กำหนดในกฎหมายในรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคการเมืองคิดว่าตนเองต้องมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องคำนึงถึงถ้าพรรคการเมืองไปสร้างไม่สงบเรียบร้อยฝ่าฝืนกฎหมายทำลายกฎหมายทำลายกฎกติกาของบ้านเมือง พรรคการเมืองนั้นก็ไม่ควรจะดำรงอยู่” นายสุเทพกล่าว
ส่วนการใช้กำลังดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ประกาศถึง 18,000 นาย นายสุเทพยอมรับว่า ต้องใช้กำลังมากเพื่อให้สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยได้
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15 หรืออาเซียนซัมมิตจะจัดให้มีขึ้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค.52 ซึ่งในครั้งนี้รัฐบาลได้เตรียมพร้อมรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเมื่อครั้งจัดการประชุมที่เมืองพัทยา โดยได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในเขตพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 12-27 ต.ค.52 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็นผู้อำนวยการศุนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย และประกาศใช้ พ.ร.บ.ฯ ในเขตดุสิต กทม. ระหว่างวันที่ 15-25 ต.ค.52 โดยมอบหมายให้นายสุเทพ เป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย