ทูตมะกันพบ ปธ.สภาที่ปรึกษา ปชป. ระบุไทยประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ เป็นเรื่องภายในเพื่อให้ความปลอดภัยแก่ ปชช. ยันจะไม่แทรกแซงกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเอริค จี จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เข้าพบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค โดยนายเอริคกล่าวภายหลังว่า ได้มีการหารือถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ ส่วนการที่ไทยประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในระหว่างการประชุมอาเซียนนั้นถือเป็นเรื่องภายในของไทย แต่ถ้ามองในแง่การบังคับใช้กฎหมาย รัฐบาลไทยก็มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประชาชน ในขณะเดียวกันประชาชนก็มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเช่นกัน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะจัดหาวิธีการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ชาวต่างชาติประทับใจในประเทศไทย คือ ในขณะที่ประชาชนทุกกลุ่มมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น ในขณะเดียวกันการบังคับใช้กฎหมายก็ทำให้ประชาชนมีความรู้สึกในความปลอดภัยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนจะเดินทางไปพบผู้นำพรรคเพื่อไทย เพราะสหรัฐพบทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลเนื่องจากเป็นมิตรกับประเทศไทยไม่ได้เป็นมิตรกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่าอเมริกาเป็นมิตรประเทศที่ดี และมีความประสงค์ที่จะทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาลนี้เกี่ยวกับประเด็นที่ทางสหรัฐฯ สามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้ดีขึ้นได้ ทั้งนี้เอกอัครราชทูตยังระบุว่าหลังจากพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการประชุมยูเอ็นที่สหรัฐฯ แล้วก็จะมีการพบปะกันอีกครั้งในการประชุมร่วมกันระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายอภิสิทธิ์ ในฐานะประธานอาเซียน ที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือน พ.ย.นี้ และหวังว่าการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือน ต.ค.นี้จะประสบความสำเร็จได้ด้วยดี
ขณะเดียวกันก็ได้หารือถึงความร่วมมือที่ทางสหรัฐฯ ได้ให้ผ่านองค์กรยูเอสเอดี โดยยืนยันว่าความร่วมมือนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่เป็นประโยชน์ และเป็นความต้องการของหน่วยงานในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงหรือเกี่ยวกันกับกระบวนการประชาธิปไตยในประเทศตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด นอกจากนั้น นายเอริคยังได้แสดงความเข้าใจว่าในสิ่งที่ท้าทายการทำงานของรัฐบาลในหลายส่วน รัฐบาลประสบความสำเร็จในการทำให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบ และประเทศไทยก็มีความพร้อมในการจัดประชุมใหญ่ๆ ในเดือนนี้ และหวังว่ากระบวนการสร้างความสมานฉันท์โดยการปฏิรูปการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำสู่ความสมานฉันท์ในประเทศไทยได้
