“เพื่อไทย” อ้างผลสำรวจโพลชี้เป้าสารพัดปัญหารุมเร้าชาวบ้านทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง จวกรัฐบาลอ่อนบริหารเศรษฐกิจทำประเทศแย่ ยัน ปชช.ให้ความสนใจแก้ไข รธน. ยกย่องปี 40 ดีกว่าปี 50
วันนี้ (4 ต.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร พร้อมด้วยนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยร่วมกันแถลงข่าว โดยนายปานปรีย์กล่าวว่า พรรคได้จัดทำผลสำรวจความเห็นของประชาชน ทั่วประเทศต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเมือง เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา จากประชาชน 1,700 คนทั่วประเทศ วัตถุประสงค์เพื่อนำผลสำรวจมากำหนดเป็นทิศทางของพรรค และนำโพลไปจัดทำเป็นร่างนโยบายของพรรค โดยทำอย่างเป็นวิชาการและวิทยาศาสตร์ และจะมีการทำอย่างต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง สิ่งที่สำรวจพบบเป็นประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องเศรษฐกิจ ประชาชนยังมีปัญหาปากท้องและหนี้สิน ไม่มีงานทำ รายได้ตกต่ำ และ 2.เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ประชาชนสนใจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการหาหนทางทำให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้สอดคล้องกับการดำเนินการและทิศทางของพรรค ซึ่งจากการทำโพลของพรรคนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับโพลที่สำนักต่างๆ ทำ แต่เราจะเน้นสำรวจเพื่อนำมาใช้งานโดยเฉพาะ ซึ่งหากมีช่วงเวลาที่เหมาะสม เราก็จะทำการสำรวจทุกอย่าง แม้แต่เรื่องการสรรหาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สำหรับการลงพื้นที่สัมมนาของพรรคซึ่งจัดมาแล้ว 3 ครั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคอีสาน พบปัญหาด้านเศรษฐกิจเฉพาะของพื้นที่ คือ ภาคเหนือปัญหาเรื่องโอทอป เอสเอ็มอี ภาคตะวันออกมีปัญหาเรื่องการลงทุนและสิ่งแวดล้อม และภาคอีสานมีปัญหาเรื่องรายได้ ปากท้อง หนี้สิน การว่างงาน และราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ
ด้าน นายคณวัฒน์กล่าวว่า สำหรับโพลที่พรรคเพื่อไทยสำรวจออกมานั้นพบว่า ประชาชนทั่วประเทศมองว่ารัฐบาลมีจุดอ่อนในเรื่องการบริหารเศรษฐกิจ คน กทม.ถึง 66% เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังเดินผิดทาง ภาคอีสาน 65% เหนือ 61% กลาง 46% และใต้ 45% ส่วนฝีมือการบริหารเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฏว่าประชาชนให้การยอมรับ 49% และไม่ยอมรับ 50% เมื่อสำรวจถึงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าแก้ปัญหาได้ดีขึ้นหรือไม่นั้น 31% ระบุว่าดีขึ้นในขณะที่ 32% บอกว่าแย่ลง และอีก 32% ระบุว่าไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ประชาชนมองว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะย่ำแย่ 49% สำหรับประเด็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อประชาชนมากที่สุด คือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ความไม่มั่นคงทางการเมือง การว่างงาน ความยากจน สินค้าราคาแพง ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนเป็นห่วงมากที่สุดก็คือปัญหาความว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ปัญหาอื่นๆ คือ นักท่องเที่ยวลด การส่งออกหดตัว ราคาข้าวตกต่ำ การลงทุนจากต่างประเทศชะลอตัว และจีดีพีติดลบ ทางด้านประเด็นการเมืองนั้น คนส่วนใหญ่ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ 52% ต่อ 37% โดยประชาชนทั่วประเทศชื่นชอบรัฐธรรมนูญปี 2540 มากกว่าปี 2550 ถึง 63% ต่อ 24% ส่วนความนิยมในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฏว่ามีผู้ชื่นชอบ 54% ไม่ชื่นชอบ 44% และชอบพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล 53% ไม่ชื่นชอบ 46%
วันนี้ (4 ต.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร พร้อมด้วยนายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยร่วมกันแถลงข่าว โดยนายปานปรีย์กล่าวว่า พรรคได้จัดทำผลสำรวจความเห็นของประชาชน ทั่วประเทศต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเมือง เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา จากประชาชน 1,700 คนทั่วประเทศ วัตถุประสงค์เพื่อนำผลสำรวจมากำหนดเป็นทิศทางของพรรค และนำโพลไปจัดทำเป็นร่างนโยบายของพรรค โดยทำอย่างเป็นวิชาการและวิทยาศาสตร์ และจะมีการทำอย่างต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง สิ่งที่สำรวจพบบเป็นประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องเศรษฐกิจ ประชาชนยังมีปัญหาปากท้องและหนี้สิน ไม่มีงานทำ รายได้ตกต่ำ และ 2.เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ประชาชนสนใจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการหาหนทางทำให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้สอดคล้องกับการดำเนินการและทิศทางของพรรค ซึ่งจากการทำโพลของพรรคนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับโพลที่สำนักต่างๆ ทำ แต่เราจะเน้นสำรวจเพื่อนำมาใช้งานโดยเฉพาะ ซึ่งหากมีช่วงเวลาที่เหมาะสม เราก็จะทำการสำรวจทุกอย่าง แม้แต่เรื่องการสรรหาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สำหรับการลงพื้นที่สัมมนาของพรรคซึ่งจัดมาแล้ว 3 ครั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคอีสาน พบปัญหาด้านเศรษฐกิจเฉพาะของพื้นที่ คือ ภาคเหนือปัญหาเรื่องโอทอป เอสเอ็มอี ภาคตะวันออกมีปัญหาเรื่องการลงทุนและสิ่งแวดล้อม และภาคอีสานมีปัญหาเรื่องรายได้ ปากท้อง หนี้สิน การว่างงาน และราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ
ด้าน นายคณวัฒน์กล่าวว่า สำหรับโพลที่พรรคเพื่อไทยสำรวจออกมานั้นพบว่า ประชาชนทั่วประเทศมองว่ารัฐบาลมีจุดอ่อนในเรื่องการบริหารเศรษฐกิจ คน กทม.ถึง 66% เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังเดินผิดทาง ภาคอีสาน 65% เหนือ 61% กลาง 46% และใต้ 45% ส่วนฝีมือการบริหารเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฏว่าประชาชนให้การยอมรับ 49% และไม่ยอมรับ 50% เมื่อสำรวจถึงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าแก้ปัญหาได้ดีขึ้นหรือไม่นั้น 31% ระบุว่าดีขึ้นในขณะที่ 32% บอกว่าแย่ลง และอีก 32% ระบุว่าไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ประชาชนมองว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะย่ำแย่ 49% สำหรับประเด็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อประชาชนมากที่สุด คือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ความไม่มั่นคงทางการเมือง การว่างงาน ความยากจน สินค้าราคาแพง ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนเป็นห่วงมากที่สุดก็คือปัญหาความว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ปัญหาอื่นๆ คือ นักท่องเที่ยวลด การส่งออกหดตัว ราคาข้าวตกต่ำ การลงทุนจากต่างประเทศชะลอตัว และจีดีพีติดลบ ทางด้านประเด็นการเมืองนั้น คนส่วนใหญ่ต้องการให้แก้รัฐธรรมนูญ 52% ต่อ 37% โดยประชาชนทั่วประเทศชื่นชอบรัฐธรรมนูญปี 2540 มากกว่าปี 2550 ถึง 63% ต่อ 24% ส่วนความนิยมในตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฏว่ามีผู้ชื่นชอบ 54% ไม่ชื่นชอบ 44% และชอบพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล 53% ไม่ชื่นชอบ 46%