“โฆษกอภิสิทธิ์” ส่วนกลับ “นพเหล่” มั่วนิ่ม โยนบาปพันธมิตรฯ-ปชป. จุดประเด็นคลั่งชาติทวงอธิปไตยเขาวิหาร มีเป้าแค่ล้ม รบ. “หมัก” ยัน “อภิสิทธิ์” ไม่เคยโยนบาปให้คนเหมือนบางคน แนะย้อนดูตัวเองหากบริสุทธิ ป.ป.ช.คงไม่ชี้มูลผิดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาและคงไม่ได้ฉายาว่าเป็นคนขายชาติ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ชี้แจงตอบโต้นายกรัฐมนตรี เรื่องปัญหาประสาทเขาพระวิหาร โดยกล่าวหาว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากคนไทยสองกลุ่มต้องการล้มรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยจุดกระแสคลั่งชาติของพันธมิตรฯ และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นั้นว่า ถือว่าเป็นการปฏิเสธความผิดของตนเองโดยโยนความผิดให้คนอื่น ตนอยากถามนายนพดลว่า ถ้าบริสุทธิ์จริงเหตุใดกรรมการ ป.ป.ช.จึงชี้มูลความผิดที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมกัมพูชา
ส่วนกรณีอ้างว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ทำขึ้นในปี 2543 ถ้ารู้ว่าข้อตกลงดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมายและทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา จึงไม่ยกเลิกหรือเปิดเผยให้สังคมไทยรับรู้ เพราะขณะนั้นพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศชาติ ต่อเนื่องมาถึงยุคที่นายนพดล ได้เป็น รมว.การต่างประเทศ หรือว่าอำนาจในการเป็นรัฐมนตรี ทำนายนพดล เมามันจนมองไม่เห็นผลประโยชน์ของชาติ จึงได้มีพฤติกรรมไปลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว โดยไม่เอาเข้าสู่สภาฯ เพื่อขอความเห็นชอบ จนเป็นที่มาของข้อหาขายชาติ ที่ยกแผ่นดินให้เขมร
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ส่วนที่นายนพดลระบุพาดพิงนายกฯ ว่า อย่าโยนบาปให้คนอื่นและเป็นผู้ใหญ่เสียนั้น ตนขอชี้แจงว่า แม้ว่านายกฯ จะมีวัยวุฒิน้อยกว่านายนพดลก็ตาม แต่ความรู้ความสามารถ เหนือกว่านายกนพดลแน่นอน และไม่เคยมีพฤติกรรมโยนบาปให้ใคร ตลอดเวลาที่เป็นนายกฯ ได้พิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่า นายอภิสิทธิ์เป็นผู้ใหญ่เพียงพอและไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ทั้งสิ้น และประเด็นสำคัญที่นายกฯ มีมากกว่า นายนพดล คือ ความรักชาติ จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะไม่ได้เป็นนักเรียนทุนพระราชทานเหมือนคนบางคนก็ตาม