ตัวการใหญ่คดีหวยบนดินเอาตัวรอด ทิ้งลูกน้องให้รับผิด

คำพิพากษาคดี ทุจริต โครงการออกสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 30 กันยายน รวมทั้งคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายาง เมื่อวันที่ 21 กันยายน น่าจะช่วยทำให้บรรยากาศของบ้านเมือง เป็นไปในทาง สามัคคี-สมานฉันท์ ได้ในระดับหนึ่ง

ด้วยคำพิพากษานี้ ศาลได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ว่า ในสังคมนี้ ยังมีสถาบันที่มีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งในสังคม ด้วยการชี้ถูก ชี้ผิด ตามหลักกฎหมาย พยานหลักฐาน ประกอบวิจารณญานที่เป็นธรรม และใจเมตตา

ถ้าพยานหลักฐานชี้ว่า ไม่ผิด ก็ไม่ผิด ถ้าชี้ว่าผิด ก็คือผิด แต่ใครผิดบ้าง ก็ดูตามลักษณะของการกระทำ และเจตนา เน้นเอาเฉพาะผู้ที่สมควรจะต้องรับผิดเท่านั้น ผิดแล้วจะลงโทษหนักเบาอย่างไร ศาลท่านก็ยังให้โอกาส แก้ตัว สำนึกผิดเสียก่อน โดยไม่ต้องรับโทษเลยทันที

หากทุกฝ่ายยอมรับในคำพิพากษา แม้อาจจะไม่ถูกใจ เรื่องก็จบ

พิเคราะห์จากคำพิพากษาแล้ว ผู้ที่ต้องรับผิด 3 คนในคดีนี้คือ นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ สำนักงานสลากกินแบ่ง นายชัยวัฒน์ พสกภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากินแบ่ง ทั้ง 2 คนนี้ ผิด เพราะว่า เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานสลากกินแบ่ง ต้องรู้ว่า สลากแบบไหนออกได้ แบบไหนออกแล้วผิดกฎหมาย ต้องรู้ว่า หวย 2 ตัว 3 ตัว ออกไม่ได้ แต่ก็ไม่ทักท้วง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจำเลยที่ 1

มีคนมาบอกทางออกให้ คือ นายคำนวญ ชโลปถัมภ์ ประธานกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนายชนวุฒสภา ที่ทำความเห็นท้วงติงในประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งเห็นว่า ต้องแก้ไขแนวทางการออกสลากไม่ให้ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือแก้ไขกฎหมายรองรับโครงการ ก็ไม่ทำ แต่ไปขอวงเงินโอดีแบงก์ออมสิน 20,000 ล้านบาท เผื่อ ไว้ ในกรณีมีคนแทงถูกมากๆ จนเจ้ามือเจ๊ง แสดงว่า ทั้งนายสมใจนึก และนายชัยวัฒน์ รู้ยู่แล้วว่า การออกสลากอาจมีปัญหา

คนที่ 3 ที่ต้องรับผิดคือ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพราะเป็นคนชงเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยเป็นวาระจร ด้วยตัวเอง ไม่ผ่านทั้งเลชาธิการ ครม. และรองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่กลั่นกรองโครงการ

นายวราเทพ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุด ตั้งแต่ปี 2544 จนถึง เดือนกันยายน 2549 ไม่ว่า จะมีการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีกี่ครั้ง ในยุคทักษิณ 1 และทักษิณ 2 มีรัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลัง สลับกันจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็น นายสุชาติ เชาว์วิศิษฐ์ แล้วกลับไปเป็นนายสมคิด สุดท้ายเป็นนายทนง พิทยะ แต่นายวราเทพ นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังตลอดกาล เพราะถูกส่งมาคุม “ กองสลาก” ซึ่งเป็น “money machine” ของทักษิณ

ผลงานที่ตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ของนายวราเทพ คือ การดึงโควตาล็อตเตอรี่บางส่วน ที่เคยผูกขาดอยู่ในกลุ่ม 5 เสือ ไปให้ “ เจ๊แดง”

คำพิพากษาของศาล ถ้าตั้งใจฟัง และตั้งใจอ่าน โดยพอมีความรู้เกี่ยวกับ โครงสร้างของคำพิพากษาว่าประกอบด้วยส่วนไหนอยู่บ้างแล้ว ก็จะพบว่า มีข้อเท็จจริง ประเภทข้อมูลวงในอยู่ไม่น้อย ที่พอจะทำให้มองเห็นภาพชัดเจนว่า ใครทำอะไร อย่างไรบ้าง

ตามเนื้อความในคำพิพากษาคดีหวยบนดินนี้ จำเลย ที่ 1 คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้สั่งให้ นายสมใจนึก กับนายชัยพัฒน์ เร่งดำเนินการออกหวย 2 ตัว 3 ตัว และยังเชิญ นายวราเทพ นายสมใจนึก กับนายชัยพัฒน์ ไปหารือในเรื่องนี้ด้วย ก่อนที่จะมีการเสนอเรื่อง ให้บอร์ดกองสลากอนุมัติ แล้วนายวราเทพ ชงเรื่องเป็นวาระจร ให้ ครม. เห็นชอบ

ทักษิณ จึงเป็นตัวการใหญ่ ที่บงการให้ นายวราเทพ นายสมใจนึก และนายชัยพัฒน์ ทำเรื่องหวยบนดิน และใช้ บอร์ดกองสลาก 10 คน และ ครม. 29 คน เป็นตรายางประทับรับรอง

เหมือนกรณีทุจริตอีกหลายๆ เรื่อง ที่สั่งให้ คนอื่นทำ กระทั่งลูกเมียก็ไม่วายถูกใช้เป็นเครื่องมือ

เมื่อเรื่องแดงขึ้น ถูกจับได้ว่าทำผิด ตัวการใหญ่ก็หนีความรับผิดชอบ ไปเที่ยวให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมอยู่ในต่างประเทศ ปล่อยให้เมีย ลูก และลูกน้อง เผชิญชะตากรรมกันเอาเอง

วันนี้ ตัวการใหญ่ ยังหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดี ออกจากสารบบ รอว่าเมื่อไรอัยการและตำรวจจะจับตัวมาได้ จึงจะพิจารณาความผิดของตัวการใหญ่เพียงคนเดียว เหมือนคดีเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ ที่ทักษิณสั่งให้ปล่อยกู้ให้กับรัฐบาลพม่า ที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีเหมือนกัน เพราะทักษิณหนี