“เพื่อไทย” ดี๊ด๊าดึง “พ่อใหญ่จิ๋ว” ร่วมงาน หลัง “นช.แม้ว” เป็นคนทาบทาม เพื่อหวังเอามาเดินเกมยุพรรคร่วมให้เปลี่ยนขั้ว รับมีแนวคิดสร้างการเมืองสมานฉันท์ แทงกั๊กยกตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ให้อดีตหัวเรือใหญ่ความหวังใหม่หรือไม่ ชี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ขณะที่แบ่งรับแบ่งสู้ข่าวลือ “พัชรวาท” โดดวงเล่นการเมือง โบ้ยเจ้าตัวหมกมุ่นสู้คดี ไม่มีเวลาทำอย่างอื่น
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย โดยนายยงยุทธกล่าวว่าพรรคมีมติเอกฉันท์เชิญ พล.อ.ชวลิต เข้าเป็นสมาชิกพรรค เรารู้สึกอบอุ่นและมีเกียรติที่ พล.อ.ชวลิต จะมาร่วมงานทางการเมืองกับพรรค โดยเข้ามาเป็นสมาชิกของพรรคเพียงอย่างเดียว ส่วนจะทำงานในตำแหน่งใดอนาคตจะเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือไม่เป็นเรื่องของกรรมการบริหารจะพิจารณา ส่วนกระแสข่าวการวางตัว พล.อ.ชวลิต ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นเรื่องของอนาคต สำหรับใครเป็นผู้ทาบทาม พล.อ.ชวลิต เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนรักใคร่กัน เหมือนคนที่จะแต่งงานกัน ก็ต้องเริ่มจากการที่สองฝ่ายเห็นพ้องตรงกัน
ผู้สื่อข่าว ถามว่ากังวลหรือไม่เพราะ พล.อ.ชวลิต ยังมีคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีการสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ซึ่งศาลฎีกายังไม่ได้วินิจฉัยความผิด นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เนื่องจากขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมยังไม่จบ และยังไม่มีการตัดสินในชั้นศาล จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เว้นแต่จะมีคำพิพากษาจากศาลออกมา
ด้าน นายสุชาติกล่าวว่า ได้พูดคุยกับ พล.ต.ศรชัย มนตริวัต ส.ส. สัดส่วน ถึงสาเหตุที่ พล.อ.ชวลิต กลับเข้าพรรคเพราะต้องการกลับเข้าการเมือง ท่านเคยผ่านวิกฤตสงครามการเมืองมาแล้ว และเห็นว่าทหารกับการเมืองต้องไปได้ด้วยกัน ทุกวันนี้การเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้าราชการ พล.อ.ชวลิต จึงอยากให้การเมืองเดินไปไกลกว่านี้
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ทาบทาม พล.อ.ชวลิต ให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยจริงหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงพูดคุยและทาบทามแล้ว เพราะทั้ง2เป็นคนที่รู้จักกันมานาน โดยคาดว่า พล.อ.ชวลิต คงตัดสินใจแล้ว เห็นว่าการกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยใหม่ เพราะเห็นว่าเป็นพรรคการเมืองที่จะได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ในอนาคตพรรคเพื่อไทยจะชู พล.อ.ชวลิต เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ถ้ามองในเชิงคุณสมบัติ พล.อ.ชวลิต มีประสบการณ์ทางการเมืองมา ส่วนที่มีแนวโน้มว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. จะมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยนั้น คิดว่า พล.ต.อ.พัชรวาท คงต้องต่อสู้ในเรื่องคดีความก่อน
“เมื่อเป็นข้าราชการประจำและถูกรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องเข้าสู่ถนนการเมือง ในฐานะที่เป็นส.ส.ลพบุรี เป็นคนบ้านเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพล.ต.พัชรวาท ยืนยันว่าในอนาคตทั้ง2คนจะมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยแน่นอน พล.อ.ชวลิตมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยนั้น เชื่อว่าจะเป็นศูนย์รวมและจุดดึงดูดของหลายฝ่าย จึงขอให้จับตาว่าจะมีอีกหลายคนที่จะมาร่วมงานกับเรา ขอฝากไปถึงนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หากจะมาร่วมงานกับพรรคก็ยินดี” นายสุชาติกล่าว
ถามว่ามีกระแสข่าวสาเหตุการดึง พล.อ.ชวลิต กลับมาร่วมงานนั้น เพื่อหวังเปลี่ยนขั้วการเมืองหรือรวมเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ นายสุชาติกล่าวว่า ยอมรับว่ามีแนวคิดเช่นนั้น แต่ทุกฝ่ายต้องคุยกันภายใต้แนวคิดสมานฉันท์จริงๆ โดยยึดประเทศเป็นหลัก โดยตนเสนอให้ใช้สูตรรัฐบาล1บวก1 ให้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล และมีนายกฯมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่การบริหารงานกระทรวงจะให้พรรคอื่นเข้ามาร่วม โดยที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนมพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.พรรคความหวังใหม่ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้อดีต ส.ส.พรรคความหวังใหม่ที่อยู่พรรคเพื่อไทยหลายคนได้ เข้าไปพูดคุยและทาบทาม พล.อ.ชวลิตให้มาอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาตลอด เนื่องจาก พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีความรู้ความสามารถมีต้นทุนทางสังคม มีแนวคิดทางการเมืองตรงกับอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย อีกทั้ง พล.อ.ชวลิตยังได้พูดกับ ส.ส.ที่ไปพบเสมอว่า ต้องการเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้บ้านเมืองที่กำลังเกิดความขัดแย้ง การเมืองไม่สามารถเดินต่อไปได้ ส่วนการมาร่วมงานกันครั้งนี้ พล.อ.ชวลิตไม่ได้เรียกร้องว่าจะต้องทำงานในตำแหน่งใด ทราบเบื้องต้นว่าหลายๆคนอยากให้ท่านอยู่ตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค ช่วยดูแลในด้านยุทธศาตร์การเมือง การเลือกตั้งในอนาคต ส่วนเหตุผลอื่นคาดว่าในวันที่2 ต.ค. พล.อ.ชวลิตจะเป็นผู้ชี้แจงเอง
“ถือเป็นข่าวดีของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่จะได้ผู้นำตัวจริงกลับมาอยู่บ้านเก่า เพื่อสานต่ออุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทยให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งการมาของบิ๊กจิ๋วคราวนี้จะมาเป็นเสาหลักให้กับ ส.ส.อีสาน เพราะท่านจะมาเป็นโซ่ข้อกลาง เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ยุติการกลั่นแกล้งทางการเมือง จนทำให้เกิดวิกฤตในขณะนี้ เพราะถึงแม้ท่านเป็นทหารแต่ก็เป็นทหารที่มีความเป็นประชาธิปไตย ท่านจึงเห็นว่าต่อไป ต้องทำให้การเมืองนำการทหาร และเป็นการเมืองที่ทุกฝ่ายสามารถคุยกันได้ ยุติปัญหาทุกสี” นายไพจิตกล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการผลักดัน พล.อ.ชวลิต เพื่อชูเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายไพจิตกล่าวว่า พล.อ.ชวลิตมีคุณสมบัติเหมาะสมในการเป็นผู้นำพรรค เพราะเป็นอดีตนายกฯ ที่มีผลงานมากมาย ซึ่งหากถามอดีต ส.ส.ความหวังใหม่ในพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้อดีต ส.ส.กลุ่มหวังใหม่เราผนึกกำลังกันได้กว่า 30-40 คน โดยมีผู้ใหญ่ที่เป็นแกนคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยนั้น ทุกคนก็อยากจะได้ผู้นำพรรคอย่าง พล.อ.ชวลิต เพราะมีต้นทุนการเมืองสูง ทุกฝ่ายยอมรับรวมถึงประชาชนด้วย ขณะที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่เป็นอดีตแกนนำพรรคความหวังใหม่ ก็ยังจับขั้วอยู่กับเราด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่าจะฟื้นกลุ่มความหวังใหม่ในพรรคเพื่อไทยเลยหรือไม่ ส.ส.นครพนม กล่าวว่า พลังที่มีอยู่ตอนนี้ในพรรค ก็เป็นสายสัมพันธ์เดิมที่ยังเหนียมแน่น แต่การที่ พล.อ.ชวลิต มาอยู่กับพรรคเพื่อไทยก็เป็นสัญญานที่ดีมาก
ด้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กลุ่มความหวังใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของการเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น จะเข้ามาร่วมงานในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค ส่วนจะดำรงแหน่งหัวหน้าพรรคในอนาคตด้วยหรือไม่ ตอนนี้คงพูดไม่ได้ แต่จากที่ตนมีโอกาสคุยกับ พล.อ.ชวลิต ท่านต้องการเข้ามาช่วยทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคมหาชน คือเป็นพรรคที่ได้รับความนิยมจากประชาชนมากที่สุด ซึ่งพรรคเองก็เดินทางมาในแนวทางนั้น พล.อ.ชวลิต จึงตันสินใจเข้าร่วมงานกับพรรค อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ พล.อ.ชวลิต เข้าร่วมงานกับพรรค เนื่องจากท่านต้องการจะเข้ามาแก้ปัญหาใน 3 ด้น คือ 1.ท่านต้องการช่วยทำให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้งของคนในชาติ 2.ต้องการเข้ามาให้แนวทางในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 3.ต้องการเข้ามาช่วยแก้ปัญหากับชายแดน ซึ่งแนวทางแก้ปัญหาทั้งหมดท่านแนะนำว่ารัฐบาลต้องจริงใจในการแก้ปัญหา ด้วยวิธีการเจรจา เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลยังให้นำหนักกับการเจรจาน้อยเกินไป ซึ่งถ้ารัฐบาลสามารถทำได้ความสงบสุขในประเทศก็จะเกิดขึ้นได้
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ก่อนที่ พล.อ.ชวลิต จะตกลงมาร่วมงานกับพรรคนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หารือและทาบทาม พล.อ.ชวลิต หลายครั้ง แต่ที่ผ่านมาพล.อ.ชวลิตมองว่าจังหวะทางการเมืองยังไม่เหมาะสม แต่ภายหลังที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และพล.อ.ชวลิต ในเหตุการสลายการณ์ชุมนุม 7 ตุลา จึงทำให้พล.อ.ชวลิตตัดสินใจเปิดตัวเข้าพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ประกอบกับ พรรคเพื่อไทยต้องการชิงจังหวะทางการเมืองเนื่องจากประเมินว่ารัฐบาลมีกระแสตกต่ำจากปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องความแตกแยกทางการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแต่งตั้ง ผบ.ตร.และปัญหาเศรษฐกิจ โดย พ.ต.ท.ทักษิณได้ขอให้ พล.อ.ชวลิตเข้ามาเป็นมือประสาน เจรจากับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ให้เปลี่ยนขั้วจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่กับเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ภายใต้เงื่อนไขให้ พล.อ.ชวลิต มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเพื่อชูเป็นนายกรัฐมนตรีในการหาเสียงเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณได้วางตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ไว้ในตำแหน่งเลขาธิการพรรคอีกด้วย
นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ในส่วนของภาคอีสานส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นกลุ่มความหวังใหม่เก่าได้ผนึกกำลัง โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรค นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนมรวมถึงอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เช่น นายอดิศร เพียงเกษ นำทีม จะเสนอชื่อ พล.อ.ชวลิตต่อที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเพื่อผลักดันให้ พล.อ.ชวลิตเป็นหัวหน้าพรรคก่อนที่จะมีการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อปรับโครงสร้างพรรคและกำหนดยุทธศาตร์การเมืองใหม่ รวมทั้งจะผลักดันให้เป็นประธานส.ส.ภาคอีสาน
ขณะที่ นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็นนั้น ทางคณะกรรมการบริหารพรรคได้ประชุมและออกแถลงการณ์ของพรรคในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ดังนี้ 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นการแก้ไขเพียง 6 ประเด็นตามความเห็นของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ที่ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนมาแล้ว เพราะการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนนั้น สามารถทำได้ในหลายรูปแบบ จึงควรดำเนินการแก้ไขไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 โดยไม่ต้องทำทำประชามติเพียง 6 ประเด็น ที่ต้องใช้งบประมาณถึง 2,000 ล้านบาท เพราะเป็นการใช้งบที่ไม่คุ้มค่า ควรประหยัดเงินส่วนนี้ไว้ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังย่ำแย่
นายคณวัฒน์กล่าวต่อว่า 2.หลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นนี้แล้ว พรรคเพื่อไทยเห็นว่าควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นเครื่องมือในการนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยเห็นควรใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นหลัก และเห็นด้วยในการทำประชามติว่าควรใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือปี 2550 และ 3.เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินงบประมาณและก่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในชาติ ควรถามประชาชนไปด้วยว่า เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วควรยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เพื่อฟังเสียงจากประชาชนในการบริหารบ้านเมืองต่อไปหรือไม่ โดยควรจัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน
เมื่อถามว่าหากรัฐบาลยืนยันให้ทำประชามติใน6ประเด็น นายคณวัฒน์กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลยังยืนยันที่จะทำประชามติใน 6 ประเด็น แต่ก็ขอให้ถามประชาชนด้วยว่าหากแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็นแล้วจะให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็รับได้