xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯการันตีถือประโยชน์ชาติแก้ปัญหาปราสาทพระวิหาร ยึดข้อตกลงปี 43

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“มาร์ค” ลั่นรัฐบาลไทยแก้ปัญหาปราสาทพระวิหาร ยึดประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ใช่ผลประโยชน์คนอื่น ชี้ ไม่มีประโยชน์ต้องแลกกับอะไร ฝันคืนบรรยากาศล้อมปราสาทพระวิหารกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ยึดข้อตกลงปี 43 สงวนสิทธิ์คำตัดสินศาลโลก



วันนี้ (30 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณพื้นที่เขตแดนปราสาทพระวิหาร ว่า ตนเห็นข่าวอยู่เรื่องของการเสริมกำลังปรับกำลัง แต่มันจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางช่วงก็มีการถอน บางช่วงก็มีการเสริม นี่พูดถึงฝ่ายกัมพูชา แต่ฝ่ายไทยขณะนี้ถ้าจะถอนก็ต่อเมื่อสภาให้ความเห็นชอบในกรอบของการเจรจา ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่ถอน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช.ระบุในคำตัดสิน โดยอ้างว่า การที่คณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ออกแถลงการณ์ให้ขึ้นทะเบียนพระวิหารเท่ากับเป็นการเอื้อประโยชน์ในการเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรี สมเด็จฮุนเซ็น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้อ่านรายละเอียดเป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ต้องไปถาม ป.ป.ช.ตนไม่ทราบ ตนก็เห็นแต่คำวินิจฉัยว่า 2 ท่านเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า ปัญหาปราสาทพระวิหารในฐานะรัฐบาลจะมีแนวทางดำเนินการอะไรบ้าง ที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลยังยืนยันว่า สิ่งที่ดีที่สุด คือ ประเด็นปัญหาเรื่องเขตแดน ก็เดินไปตามกลไกที่เราตกลงกันไว้แล้ว 2 ฝ่ายไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2543 คือ ใช้ JBC ระหว่างนี้ก็ให้ยึดเจตนารมณ์ว่า ไม่มีฝ่ายใดเข้าไปทำให้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่นั้นในลักษณะที่จะมีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ ซึ่งดีที่สุด คือ ทำอย่างไรไม่ให้มีการปะทะกัน ถ้าจะมีลักษณะของพื้นที่ก็ให้เหมือนกับสมัยก่อน ถ้าเปิดให้ขึ้นไปท่องเที่ยวก็มีคนไทยก็อยู่ ถ้าคนกัมพูชาจะมาขายของ เพราะประสาทศาลโลกบอกว่าเป็นของเขาก็ให้อยู่ในลักษณะนั้น ก็จะเป็นสภาพคล้ายๆกับ 10 ปีที่แล้ว

“ดูจากคำพูด คำอภิปรายของตนได้ตอนเป็นฝ่ายค้านว่า ให้ยึดตามข้อตกลงปี 2543 เราถือสันปันน้ำ เมื่อมีเขตที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิอยู่ ก็จะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี แต่ก็ไม่ไปยอมรับอะไรที่เกินเลยกว่าที่ศาล และคำวินิจฉัยของศาลโลกนั้น เราก็ยังสงวนสิทธิตามคำตัดสินของศาลโลก ว่าถ้ามีข้อมูลใหม่เราจำเป็นต้องโต้แย้ง” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า จะเป็นไปได้อย่างไรหากให้กลับไปเหมือนเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก ถ้าไปดูจริงๆ มัน มีบางช่วงเท่านั้นเองที่เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่น สิ่งแวดล้อม เมื่อถามต่อว่า แต่ทางกัมพูชาพยายามหยิบยกปัญหาเข้าสู่เวทีโลก แต่ดูเหมือนไทยเองไม่พยายามทำอะไรที่จะปกป้อง นายอภิสิทธิ์ กล่าววว่า ถูกต้องและนี้ก็เป็นเหตุผลที่แนวของเราก็ยังยืนยันว่า ให้ยกระดับแรกนี้ ตอนเป็นฝ่ายค้านก็บออย่างนี้ครับ ไม่ควรยกระดับเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นสู่อาเซียนหรืออะไร เป็นข้อตกลงของทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาที่มีความพยายามของกัมพูชาที่จะให้เป็นประเด็น รัฐบาลถึงได้ระมัดระวังประเด็นไม่ให้นำไปสู่เวทีที่อยู่ที่อื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วคิดว่าในเวทีโลกเขาจะเข้าใจตรงนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็น่าจะเข้าใจ เราก็ต้องทำความเข้าใจตลอดเวลา ตนไปสหรัฐฯมาก็ทำความเข้าใจกับเลขาธิการยูเอ็นในเรื่องนี้ อย่างที่เล่าให้ฟังว่า ไปพูดปัญหายูเน็ตโก้ที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น เขาก็รับทราบ แต่เขาคงต้องไปสอบถามข้อมูลกับยูเน็ตโก้ด้วย เราก็ต้องยืนยันจุดยืนของเราไป นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ดำเนินการอยู่ รวมถึง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศก็กำลังดำเนินการอยู่เช่นกัน

เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจกับสังคมได้อย่างไรการที่ ป.ป.ช.กล่าวอ้างว่า เอาผลประโยชน์ประเทศชาติไปช่วยการเมืองภายนอก นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันว่า ทุกเรื่องที่เราทำ และแนวที่กำหนดอยู่ในขณะนี้ไม่มีประโยชน์ของคนอื่น นอกจากประโยชน์ของประเทศ และตนต้องขอเรียนว่า หลายเรื่องที่พยายามอธิบายก็ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด เพราะไม่อยากเสียเปรียบ เพราะว่าเรื่องนี้มีเทคนิค มีความสลับซับซ้อน ละเอียดอ่อนของมันอยู่ ยืนยันว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่รัฐบาลนี้จะไปแลก
กำลังโหลดความคิดเห็น