xs
xsm
sm
md
lg

วิปค้านนัดถกวิป 3 ฝ่าย ยันค้านทำประชามติแก้ รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิทยา บุรณศิริ
ปธ.วิปฝ่ายค้าน นัดถกวิปสามฝ่าย 1 ต.ค.ก่อนเข้าหารือ “นายกฯ” ย้ำจุดยืนเดิมแก้ 6 ประเด็น ค้านทำประชามติ เชียร์ทำ “ประชาพิจารณ์” แทน พท.ประเมิน รบ.เปลี่ยนใจรื้อ ม.190 บางส่วน ฟันธงแก้ไม่ครบ 6 ประเด็น

วันนี้ (25 ก.ย.) นายวิทยา บุรณะศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวว่าก่อนถึงวันที่ 1 ต.ค.ทางวิปฝ่ายค้านจะเข้าหารือกับวิปรัฐบาลและวิปวุฒิสภาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนนำข้อสรุปไปคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่ทราบว่าหลังนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ทางวิปรัฐบาลโดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาลจะเข้าไปคุยกับนายกฯถึงข้อสรุปก่อน แต่อย่างไรเรื่องนี้จุดยืนของพรรคฝ่ายค้านมีความเห็นให้ยึดตามกรอบของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฎิรูปการเมืองฯในการแก้ไข 6ประเด็น

ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ขอยืนยันไม่เห็นด้วยในการจัดทำประชามติซึ่งวิปฝ่ายค้านจะไปหารือวิปรัฐบาลก่อนไปหารือกับนายกฯ ในสัปดาห์หน้านี้เพราะมองว่ารัฐบาลควรจะใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ให้อำนาจ ส.ส.และ ส.ว.สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมได้เลย เนื่องจากเป็นตัวแทนของประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลไม่ควรเสียเวลาหรือสิ้นเปลืองงบประมาณในการจัดทำประชามติ แต่หากต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้โดยใช้ช่องทางอื่นในการจัดทำประชาพิจารณ์แทนแม้กฎหมายจะไม่ระบุไว้ก็ตาม ดังนั้น หากรัฐบาลอยากแสดงความจริงใจที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมและไม่อยากซื้อเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง ก็ควรใช้วิธีจัดทำประชาพิจารณ์น่าจะดีกว่า

เมื่อถามว่าพรรคฝ่ายค้านจะกำหนดกรอบเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า คงปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการ ไม่อยากไปเร่งหรือไปกำหนดอะไรเพราะไม่อยากถูกมองว่าเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อส่วนตัว ซึ่งพรรคเพื่อไทยยังไม่หวังอะไรมากขอเพียงมีการเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ก็เพียงพอแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี แต่นายกฯ ควรติดและจัดลำดับความสำคัญเรื่องนี้อย่างไร เพราะเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่มีปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะต้องตั้งกรรมาธิการกี่คน หรือจะพิจารณาผ่าน 3 วาระรวดไปเลย

มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการประเมินว่ารัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ อาจเปลี่ยนใจแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เฉพาะเพียงบางส่วน เนื่องจากเกิดปัญหาที่มีกำลังทหารและชาวกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร บริเวณชายแดนไทยกับกัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้อาจต้องคงหลักการของมาตรา 190 ไว้เพื่อควบคุมสถานการณ์ชายแดนไทยกับกัมพูชาซึ่งพรรคเพื่อไทยยังประเมินอีกว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะเสนอกฎหมายลูกเข้ามาเพื่อให้อำนาจคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจในการตัดสินบางกรณีที่จำเป็นกับต่างประเทศ แต่หลักการเดิมยังคงไว้ นอกจากนี้ยังประเมินอีกว่าในกรอบ 6 ประเด็นคงแก้ไขได้ไม่ทั้งหมด โดยประเด็นเกี่ยวกับการยุบพรรคและการให้อำนาจหน้าที่ ส.ส.และ ส.ว.ในการแก้ปัญหาให้ชาวบ้านนั้น อาจจะเอื้อประโยชน์กับพรรคเพื่อไทยโดยตรง
กำลังโหลดความคิดเห็น