xs
xsm
sm
md
lg

อุ้ม“พัชรวาท”ผิดซ้ำซาก “เทือก”ถอนสอบเซ็งลี้เก้าอี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ
“เรื่องมันฟ้อง” โดย กรงเล็บ

มีความไม่ชอบมาพากลในการประชุม กตร.เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา นอกจากการเลื่อนพิจารณาบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร. – ผบก.แล้ว

ยังมีอีก “วาระสำคัญ”ที่ถูก “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ประธาน กตร. ถอนออกจากวาระการประชุมไปอย่างเงียบเชียบ ทั้งที่เป็นวาระสำคัญ

นั่นก็คือวาระที่ คณะอนุ กตร.ชุดพิเศษ ที่สรุปรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ “ศิริโชค โสภา” ออกมาเปิดเผยว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.ลงไป มีความไม่โปร่งใส และมีการซื้อขายตำแหน่ง


ซึ่งคณะอนุ กตร.ได้ทำการบันทึกถ้อยคำพยาน 37 ปาก กระทั่งได้ข้อสรุปในสามประเด็น ว่า

1. อนุ กตร.มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปแทรกแซงอำนาจของผู้บัญชาการ ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.ลงมา ถึง ระดับ สว.ในวาระประจำปี 2551

2. อนุ กตร. มีมติเป็นเอกฉันท์เชื่อได้ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรมและไม่สอดคล้องตามแนวทางที่กำหนดไว้ใน กฎ กตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจฯ พ.ศ.2549 ข้อ 14

3. การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.ลงมาถึงระดับ สว.มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต หรือเป็นการแสวงประโยชน์โดยมิชอบหรือไม่ ในประเด็นนี้แม้ไม่มีผู้ให้ถ้อยคำคนใดยืนยันว่า มีผู้ใดรับเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดจากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับ ผบก.ลงมาถึงระดับ สว.ในวาระประจำปี 2551

แต่จากการที่มีการเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งและการขอยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งตามที่ปรากฏในรายละเอียดประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 2 ประกอบกัน มีกรณีให้ผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปมีส่วนจัดทำบัญชีแต่งตั้ง เช่น กรณีของตำรวจภูธรภาค 7 มีผู้ให้ถ้อยคำ และคนยืนยันว่า

ทราบว่า พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย ตันบุญเอก ผบก.ภ.จว.นครปฐม ซึ่งเป็นเพื่อน ผบช.ภ.7 และ ผบ.ตร. เป็นผู้จัดทำบัญชีแต่งตั้งของตำรวจภูธรภาค 7 หรือการย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนข้าราชการตำรวจของตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจภูธรภาค 2 จากสถานีตำรวจที่มีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจออกไปเกือบหมด

อนุ กตร.มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าในประเด็นที่ 3 นี้ น่าเชื่อว่าจะมีการทุจริตหรือแสวงหาประโยชน์จากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ

อนุ กตร.เสียงข้างมากได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้กระทำในเวลาจำกัด การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก.ลงมาถึงระดับ สว.ในวาระประจำปี 2551 มีจำนวนมาก และที่สำคัญมีผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับ ผบ.ตร. ลงมาจนถึง ผบช.ทุกหน่วยในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งอนุ กตร. ชุดนี้ไม่มีอำนาจเรียกบุคคลมาให้ปากคำ หรือเรียกเอกสารจากบุคคลใดมาพิจารณาได้

ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงเห็นควรสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 84 และกฎ กตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2547 ขณะที่ อนุ กตร.เสียงข้างน้อย 1 เสียง เสนอให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และให้ดำเนินคดีอาญาด้วย

เมื่อผลสรุปของ อนุ กตร.ให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกับ ผบ.ตร. และนายพลอีกหลายนายที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายที่ทำให้ตำรวจไม่ได้รับความเป็นธรรมถึง 2,912 ตำแหน่ง

มีเหตุผลอะไรที่ “สุเทพ” จะถอนวาระนี้ออกจากที่ประชุม ทั้งที่เป็นคนตั้งแท่นให้มี อนุ กตร. มาตรวจสอบเรื่องนี้เอง

เป็นเพราะผลที่ออกมามันไม่เป็นไปตามที่คิด ใช่หรือไม่ จากเดิมที่กะจะเล่นงาน “ศิริโชค” ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง เพื่อให้มีข้อสรุปว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีมูล ซึ่งจะเป็นการช่วยฟอกความผิดให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท

แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร อนุ กตร.สรุปว่า มีการแสวงหาประโยชน์จากการโยกย้ายข้าราชการตำรวจจริง และให้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ครั้นจะยุติเรื่องก็ทำไม่ได้

ทำได้อย่างเดียวคือปกป้อง “น้องป๊อด” ของ “พี่ป้อม” เอาไว้ด้วยการถอนวาระนี้ออกไป แล้วค่อยไปพิจารณากันใหม่ในห้วงเวลาที่ “พล.ต.อ.พัชรวาท” เกษียณอายุราชการแล้ว ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่จะตั้งขึ้น จะไม่สามารถเอื้อมมือไปเอาผิดกับ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วได้

เข้าด้วยช่วยเหลือชัดเจนขนาดนี้ ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไปฟ้อง ป.ป.ช.ได้เลยว่า “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ช่วยเหลือให้ พล.ต.อ.พัชรวาท พ้นผิด


จะให้ดี “สุเทพ” ควรไปเปลี่ยนนามสกุลจาก “เทือกสุบรรณ” เป็น “วงษ์สุวรรณ” ได้แล้ว

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ควรตัดเนื้อร้ายชื่อ “สุเทพ” ออกจากตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” โดยเร็ว ก่อนที่ “สุเทพ” จะใช้ตำแหน่งนี้ฆาตกรรมหัวหน้าพรรคและพรรค เพื่อคนอื่นมากไปกว่านี้

เพราะหากปล่อยให้เลยเถิดต่อไป แม้พระแม่ธรณีจะกรรแสง ก็คงมิอาจช่วยให้พรรคประชาธิปัตย์ พ้นหายนะจากการกระทำของคนๆ นี้ได้
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
กำลังโหลดความคิดเห็น