“สุเทพ” ลั่นไม่คิดลักไก่เรียกประชุม ก.ต.ช. ซัดพวกปูดข่าวหวังเสี้ยม

รองนายกฯ สุเทพ ปัดยังไม่รู้นายกฯ เตรียมเรียกประชุม ก.ต.ช.เลือก ผบ.ตร.28 ก.ย.นี้ ยันไม่รีบร้อน ย้อนพวกช่วยกระพือข่าวแทรกแซงบัญชีแต่งตั้งหวังให้วุ่นวาย ยันรัฐบาลเข้าใจกติกาหลักเกณฑ์ดี ทั้งเข้าใจตำรวจ ยืนยันไม่ลักไก่เรียกประชุม ก.ต.ช.ก่อน



คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (23 ก.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุม กตช.ในวันที่ 28 ก.ย. ภายหลังเดินทางกลับจากสหรัฐว่า ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ควรจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 1 ต.ค.หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นตำแหน่งอื่นก็จะตั้งไม่ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่จริง ความจริงข่าวนี้มีคนช่วยกระพือให้ยุ่งยากวุ่นวาย และ บิดเบือนข้อเท็จจริง เช่น พล.ต.อ.ชัชจ์ กุลดิลก และ พล.ต.อ.สร่าง บุนนาค ที่ออกมาระบุว่า ผมแทรกแซงการแต่งตั้งในการรวบรวมบัญชี จากตรงส่วนโน้นส่วนนี้มา นั้นไม่เป็นความจริงแต่ประการใด หรือ การประชุม กตร. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร. และ กรรมการกลั่นกรอง ก็เข้าไปจัดทำบัญชี และ ผมก็เห็นว่า บัญชีที่ได้ทำมาได้ยึดหลักการตามกฎหมายและกติกาทุกอย่าง แต่บัญชีนั้นไม่ได้รับการพิจารณาเพราะ กรรมการ กตร.จำนวนมากเห็นว่ายังไม่เหมาะสม

นายสุเทพ กล่าวยืนยันว่าผมดูแลตำรวจได้เป็นอย่างดี และ ผมเข้าข้างตำรวจ ซึ่งตำรวจของทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งข้าราชการที่ดีจะต้องร่วมกันให้กำลังใจ ขอให้ตำรวจทั้งหลาย อย่างหวั่นไหวกับคำยุแยงตะแคงรั่วทั้งหลาย ที่มีข่าวว่าผมจะเรียกประชุม กตช. ซึ่งก็ทราบดีว่าผมเป็นคนรู้จักประมาณตัว และรู้คอบเขตอำนาจหน้าที่ว่าผมมีแค่ไหน ซึ่งกฎหมายไม่ได้อนุญาตให้ผมไปนั่งเป็นประธานแทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้นทำไม่ได้ ซึ่งคนที่ปล่อยข่าวลือนั้นตั้งใจ ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี โดยที่รู้อยู่แล้วว่าข้อเท็จจริงไม่มี

นายสุเทพ กล่าวว่า การประชุม กตร.อีกครั้งหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าความเห็นของคณะกรรมการ กตร.เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก่อน และ มีความพร้อมด้านข้อมูลในรายละเอียด ซึ่งก็สามารถดำเนินการเดินหน้าได้ทันที และ ไม่ได้ติดปัญหาที่ไม่มี ผบ.ตร.แต่อย่างใด

เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมี ผบ.ตร.คนใหม่ก่อนจึงจะเรียกประชุม กตร. นายสุเทพ กล่าวย้ำว่า ประเด็นที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต้องเข้าใจก่อนว่า เสียงที่ออกมาวิจารณ์ไม่ได้หมายว่าความไม่ได้ยอมรับ พล.ต.อ.ธานี แต่ในกฎเกณฑ์และกติกาเป็นที่ยอมรับ แต่สิ่งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คือ เคยมีมติคณะรัฐมนตรี( ครม.) ไว้ว่า คนที่รักษาการไม่ควรจะมาทำหน้าในการแต่งตั้งในฐานะรักษาราชการแทน และ ผู้บังคับบัญชากระดับสูงที่กำลังจะเกษียณอายุราชการไม่ควรจะมาแต่งตั้งโยกย้ายทิ้งทวน ที่กล่าวถึง เช่น รัฐบาลรักษาการไม่ควรแต่งตั้งซึ่งก็ถือว่ามีเหตุผล นี้คือเหตุผลสำคัญ ส่วนเหตุผลเสริมนั้นก็มีจำนวนมา เช่น บางคนบอกว่า พล.ต.อ.ธานี อยู่ในตำแหน่งแค่ไม่กี่วัน แต่ควรให้ ผบ.ตร.คนใหม่ที่ต้องทำงานกับตำรวจเป็นปีๆ เพราะฉะนั้นควรรอให้ ผบ.ตร.คนใหม่มานั่งร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งหลายคนก็แสดงความเห็นว่า ผบ.ตร.คนใหม่ก็นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย รายชื่อที่เลือกมาก็อยู่ในที่ประชุมนี้ด้วย และ หลายฝ่ายก็ให้ความเห็นว่า กรรมการในที่ประชุมนี้ก็ได้ร่วมพิจารณาแล้ว ซึ่งผมเห็นว่ายังมีเหตุผลที่ไม่ลงรอยกันจึงขอให้เลื่อนออกไปก่อน ดังนั้นถูกต้องเมื่อความเห็นของ กตร.มีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันจึงจะเรียกประชุม กตร. ซึ่งจะใช้เวลาได้ไม่จำกัด

“ผมไม่ต้องการแพ้ชนะ แต่ผมประเมินแล้วว่าคณะกรรมการ กตร.ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ ค่อยให้มีความเห็นที่สอดคล้องกันจึงค่อยเรียกประชุมใหม่” นายสุเทพ ระบุ

เมื่อถามว่า การที่นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ได้ถึง 2 ครั้งจะเป็นการลดความน่าเชื่อถือและอำนาจนายกฯ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าส่วน กตช. ผมไม่ได้คุยกับท่านนายกฯ และ ผมเชื่อว่า ท่านนายกฯจะใช้ความเป็นเหตุเป็นผลทุกอย่างในการตัดสินใจ และ ผมเรียนหลายครั้งแล้วว่าเรื่อง การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ตำแหน่งเดียวไม่น่ามีผลอะไรต่อเสถียรภาพรัฐบาล หรือ ประเทศชาติ เพราะยังมีปัญหาอื่นอีกมากมาย ที่ต้องแก้ไข แต่บังเอิญตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่คนสนใจ

เมื่อถามว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร. จะเป็นปัญหาทำให้รัฐบาลต้องล้มลงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่งานลักษณะนี้ต้องตัดสินใจร่วมกัน เพราะเป็นกรรมการ แต่หากเป็นเมื่อก่อนจะเป็นอำนาจนายกฯเพียงคนเดียว หรือ รัฐมนตรีที่กำกับดูแลตำรวจ แต่งานที่ต้องใช้กรรมการ ก็ต้องให้กรรมการเห็นพ้องต้องกันเสียก่อน จึงกลายเป็นประเด็นปัญหา แต่หากนายกฯ สั่งการคนเดียวกลับกลายเป็นว่าเผด็จการ