“ปณิธาน” เผย ที่ประชุม กอ.รมน.มอบอำนาจ “สุเทพ” รับผิดชอบดูแลเหตุเสื้อแดงชุมนุม มั่นใจ ตร.ไม่กล้าเกียร์ว่าง การันตีทุกคำสั่งชัดเจน ขณะที่กองทัพสั่งระดมสรรพกำลังเหล่าทัพ 63 กองร้อยจาก 3 เหล่าทัพ หนุน ตร.คุมเสื้อแดง
วันนี้ (17 ก.ย.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะปฏิบัติราชการแทนโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงสร้างและแผนปฏิบัติงาน 2 ส่วน คือ การควบคุมบังคับบัญชา โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ และ การจัดกำลังรักษาความสงบ ซึ่งการปฏิบัติงานและการออกคำสั่งทุกขั้นตอนมีความชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร จากทางฝ่ายนโยบาย ซึ่งมีฝ่ายการเมือง คือ นายสุเทพ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ดังนั้นจะไม่เกิดปัญหาเกียร์ว่างจากผู้ใต้บังคับบัญชาหากเกิดการฟ้องร้องจากการปฏิบัติหน้าที่
“ตัวเลขกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทางรัฐบาลประเมินไว้ คาดว่า ประมาณ 2-3 หมื่นคน เป็นอย่างน้อย แต่ก็มีการระดมคนกันอย่างต่อเนื่องทั้งในกทม.และต่างจังหวัดผ่านเครือข่ายสื่อสารมวลชน” นายปณิธาน กล่าว
นายปณิธาน กล่าวว่าสิ่งที่นายกฯ เป็นห่วงมาก คือ การชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มที่สนับสนุนทวงคืนปราสาทพระวิหาร ที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งภาครัฐประมาณการว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณสองพันคน ซึ่งนายกฯ เกรงว่า อาจเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนทั้งที่พอใจ และไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว ดังนั้น จะสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเพื่อดูแลความสงบ ส่วนพื้นที่ตรงตะเข็บชายแดนจะใช้กำลังทหารควบคุมสถานการณ์
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่าในการปฏิบัติงานจะมี 2 ขั้นตอน คือ การป้องกันเหตุร้าย และ การคลี่คลายสถานการณ์ หากเกิดเหตุการณ์ฝ่าฝืน เช่น ห้ามพกพาอาวุธ ห้ามเข้าสถานที่ราชการ และ ห้ามใช้เส้นทางบางจุด เป็นต้น โดยจะมีการดำเนินการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ 5 ขั้นตอน คือ 1.เจรจา 2.ผลักดัน 3.ควบคุมแกนนำ 4.ฉีดน้ำ และ 5.ใช้แก๊สน้ำตา กระบอก และ กระสุนยาง โดยทุกขั้นตอนจะประกาศเครื่องเสียงเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ
ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย 63 กองร้อย ประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพอากาศ และ กองทัพเรือ 33 กองร้อย และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 กองร้อย รวมกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กทม.และ ต่างจังหวัด 350 นาย ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่นอกเขตดุสิตจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ได้ประกาศปิดถนนลูกหลวง ถนนนครปฐม ถนนราชดำเนินนอก ที่ติดรั้วทำเนียบ รวมถึงช่องทางการจราจรคู่ขนานตั้งแต่สี่แยกเทเวศร์ไปถึงถนนราชสีมาฝั่งติดกองทัพบก และ ถนนสามเสน ซอย 12 ด้วย ดังนั้น จึงขอร้องผู้ชุมนุมอย่าฝ่าฝืนใช้เส้นทางดังกล่าว รวมถึงการพกพาอาวุธ และ การเข้าไปในสถานที่ราชการด้วย
วันนี้ (17 ก.ย.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะปฏิบัติราชการแทนโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบโครงสร้างและแผนปฏิบัติงาน 2 ส่วน คือ การควบคุมบังคับบัญชา โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ และ การจัดกำลังรักษาความสงบ ซึ่งการปฏิบัติงานและการออกคำสั่งทุกขั้นตอนมีความชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร จากทางฝ่ายนโยบาย ซึ่งมีฝ่ายการเมือง คือ นายสุเทพ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ดังนั้นจะไม่เกิดปัญหาเกียร์ว่างจากผู้ใต้บังคับบัญชาหากเกิดการฟ้องร้องจากการปฏิบัติหน้าที่
“ตัวเลขกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทางรัฐบาลประเมินไว้ คาดว่า ประมาณ 2-3 หมื่นคน เป็นอย่างน้อย แต่ก็มีการระดมคนกันอย่างต่อเนื่องทั้งในกทม.และต่างจังหวัดผ่านเครือข่ายสื่อสารมวลชน” นายปณิธาน กล่าว
นายปณิธาน กล่าวว่าสิ่งที่นายกฯ เป็นห่วงมาก คือ การชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มที่สนับสนุนทวงคืนปราสาทพระวิหาร ที่จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งภาครัฐประมาณการว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณสองพันคน ซึ่งนายกฯ เกรงว่า อาจเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนทั้งที่พอใจ และไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว ดังนั้น จะสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเพื่อดูแลความสงบ ส่วนพื้นที่ตรงตะเข็บชายแดนจะใช้กำลังทหารควบคุมสถานการณ์
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่าในการปฏิบัติงานจะมี 2 ขั้นตอน คือ การป้องกันเหตุร้าย และ การคลี่คลายสถานการณ์ หากเกิดเหตุการณ์ฝ่าฝืน เช่น ห้ามพกพาอาวุธ ห้ามเข้าสถานที่ราชการ และ ห้ามใช้เส้นทางบางจุด เป็นต้น โดยจะมีการดำเนินการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ 5 ขั้นตอน คือ 1.เจรจา 2.ผลักดัน 3.ควบคุมแกนนำ 4.ฉีดน้ำ และ 5.ใช้แก๊สน้ำตา กระบอก และ กระสุนยาง โดยทุกขั้นตอนจะประกาศเครื่องเสียงเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ
ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย 63 กองร้อย ประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพอากาศ และ กองทัพเรือ 33 กองร้อย และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 กองร้อย รวมกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.กทม.และ ต่างจังหวัด 350 นาย ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่นอกเขตดุสิตจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ได้ประกาศปิดถนนลูกหลวง ถนนนครปฐม ถนนราชดำเนินนอก ที่ติดรั้วทำเนียบ รวมถึงช่องทางการจราจรคู่ขนานตั้งแต่สี่แยกเทเวศร์ไปถึงถนนราชสีมาฝั่งติดกองทัพบก และ ถนนสามเสน ซอย 12 ด้วย ดังนั้น จึงขอร้องผู้ชุมนุมอย่าฝ่าฝืนใช้เส้นทางดังกล่าว รวมถึงการพกพาอาวุธ และ การเข้าไปในสถานที่ราชการด้วย
