ที่ประชุม ครม.มีมติประกาศบังคับใช้ กม.ความมั่นคงควบคุมกลุ่มเสื้อแดง นัดชุมนุมใหญ่ระหว่าง 18-22 ก.ย.นี้ เฉพาะเขตพื้นที่ดุสิต หลังจากแดงถ่อยกร้าวจะเคลื่อนขบวนไปบ้านป๋า “ปณิธาน” เผยมีการระดมแนวร่วมเสื้อแดงจากต่างจังหวัด ยัน พ.ร.บ.ความมั่นคงช่วยเจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น พร้อมเชิญสื่อต่างประเทศร่วมสังเกตการณ์ วอนประชาชนช่วยเฝ้าระวังมือที่ 3 ย้ำไม่มีเงื่อนไขให้ปฏิวัติ
วันนี้(15 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่เขตดุสิต เนื่องจากเป็นพื้นที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย. และมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรับผิดชอบดำเนินการตามมาตรา 15 รวมทั้งใช้กฎหมายอื่นอีก 13 ฉบับ ทั้งนี้จะมีการใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก ทหารจะเป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น สำหรับเรื่องกำลังพลนั้นจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นอาจต้องใช้กำลังพลใกล้เคียงกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในครั้งนี้มีการประเมินว่าน่าจะมีจำนวนผู้มาร่วมชุมนุมใกล้เคียงกับครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอย้ำว่าจะทำทุกอย่างตามกฎหมาย และไม่กระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานโดยรวม เนื่องจากการใช้พรบ.ความมั่นคงนั้นก็เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่ายและเพื่อดูแลบ้านเมืองให้เกิดความสงบสุข รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้สิทธิตามที่กฎหมายกำหนด และจะเชิญสื่อมวลชนมาร่วมงานกับกองอำนวยการรักษาความสงบด้วยเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
นายปณิธาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวถึงการประเมินตัวเลขผู้ที่จะมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขณะนี้ตัวเลขยังอยู่ในช่วงของการประเมินแต่อาจจะมากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งจะมีการสรุปในเรื่องของตัวเลขอีกครั้งในการประชุมกอ.รมน. เมื่อถามว่า ปัจจัยใดที่ทำให้มีการประเมินว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมมากกว่าเดิม นายปณิธาน กล่าวว่า เนื่องจากมีหลายกลุ่มมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ และยังมีกลุ่มที่ต้องการชุมนุมในเดือนตุลาคมอยู่แล้วล่วงหน้าด้วย อีกทั้งในบางส่วนมีความตั้งใจที่จะระดมคนมาให้มากกว่าครั้งที่แล้ว โดยเฉพาะแนวร่วมจากหลายจังหวัด ต่างจากครั้งที่ผ่านมาที่แนวร่วมมาจากคนในกทม.และปริมณฑล ทั้งนี้ จากการประกาศเจตนารมณ์ของบางกลุ่มที่มาร่วมชุมนุมด้วยนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าต้องการทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยมีการไปบ้านของบุคคลสำคัญ หรือที่ทำการสำคัญ หรือแม้แต่ที่ตั้งของรัฐบาลและของทหาร เพื่อเป็นการสร้างความกดดัน สร้างสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในเรื่องของการจราจร การประสานเรื่องคนหาย และเรื่องห้องน้ำให้
ส่วนประเมินว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะชุมนุมยืดเยื้อกี่วัน นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตกลงกันของกลุ่มผู้ชุมนุมว่าจะอยู่กี่วัน ซึ่งเข้าใจว่าในวันที่ 20 ก.ย.บางกลุ่มอาจจะมีการแยกย้ายกลับซึ่งคงต้องดูสถานการณ์ตามความเป็นจริง สำหรับการเฝ้าระวังในพื้นที่อื่นนอกจากเขตดุสิตนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า มีหน่วยงานที่คอยเฝ้าระวังจับตาดูความเคลื่อนไหว เพราะผู้ชุมนุมมาจากหลากหลายพื้นที่ทั้งภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ตอนบน แต่ไม่มีอะไรที่น่าตกใจ ส่วนการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า หลังจากที่มีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในการชุมนุมครั้งที่แล้วทำให้การปฏิบัติหน้าที่มีความชัดเจนมากขึ้น หน่วยปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น รู้ว่าอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ รวมทั้งมีความชัดเจนในเรื่องของนโยบายอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นายกรัฐมนตรีมีความเห็นอย่างไรบ้าง นายปณิธานกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับคณะรัฐมนตรีว่า การใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นไม่กระทบต่อสิทธิของผู้มาร่วมชุมนุมและประชาชนทั่วไป แต่เป็นการช่วยดูแลและคุ้มครองสิทธิของทั้ง 2 ฝ่ายให้อยู่ในกฎหมาย ส่วนแสดงว่าเชื่อมั่นว่าต่างประเทศจะไม่ออกประกาศเตือนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทยใช่หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้มีการดำเนินการชี้แจงกับสถานทูตต่างๆเพื่อสร้างความเข้าใจ และถ้าหากจำเป็นจริงๆก็จะมีการเชิญตัวแทนมารับทราบข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งนี้รัฐบาลได้มีการเชิญสื่อต่างประเทศมาสังเกตการณ์ด้วย
สำหรับสาเหตุที่ต้องประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงจนถึงวันที่ 22 ก.ย.นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เนื่องจากผู้ชุมนุมเดินทางมามากกว่าครั้งที่แล้ว ดังนั้นต้องให้เวลากับผู้มาร่วมชุมนุมในการเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วย ส่วนห่วงเรื่องของมือที่ 3 หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า เราก็เฝ้าระวังอยู่ อีกทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่า การควบคุมบุคคลที่ไม่หวังดีนั้นจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้มากขึ้นด้วย แต่แนวโน้มในขณะนี้ถือว่าไม่น่าห่วงมากนัก เพราะเท่าที่มีการประเมินนั้นพอทำให้ทราบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้อยู่ที่ไหนบ้าง เมื่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่เขตดุสิตก็อาจจำเป็นต้องตั้งด่านตรวจกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ให้มากขึ้น
ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เงื่อนไขที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในขณะนี้นั้นยังไม่มี นายกรัฐมนตรีก็ได้ยืนยันต่อคณะรัฐมนตรีอย่างชัดเจนว่าประชาชนก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากขณะนี้ประชาชนต้องการการเมืองที่มีเสถียรภาพ รวมทั้งต้องการให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เรื่องการเมืองนั้นต้องตัดสินด้วยวิธีการประชาธิปไตยซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเองก็เห็นสอดคล้องกันในส่วนนี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเคยประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวในพื้นที่เขตดุสิตเช่นกัน ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม - 1 กันยายน แต่กลุ่มคนเสื้อแดงได้ชิงประกาศยกเลิกการนัดชุมนุมในวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา
วันนี้(15 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ประกาศให้ใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่เขตดุสิต เนื่องจากเป็นพื้นที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย. และมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรับผิดชอบดำเนินการตามมาตรา 15 รวมทั้งใช้กฎหมายอื่นอีก 13 ฉบับ ทั้งนี้จะมีการใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก ทหารจะเป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น สำหรับเรื่องกำลังพลนั้นจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นอาจต้องใช้กำลังพลใกล้เคียงกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในครั้งนี้มีการประเมินว่าน่าจะมีจำนวนผู้มาร่วมชุมนุมใกล้เคียงกับครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอย้ำว่าจะทำทุกอย่างตามกฎหมาย และไม่กระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานโดยรวม เนื่องจากการใช้พรบ.ความมั่นคงนั้นก็เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่ายและเพื่อดูแลบ้านเมืองให้เกิดความสงบสุข รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้สิทธิตามที่กฎหมายกำหนด และจะเชิญสื่อมวลชนมาร่วมงานกับกองอำนวยการรักษาความสงบด้วยเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
นายปณิธาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวถึงการประเมินตัวเลขผู้ที่จะมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขณะนี้ตัวเลขยังอยู่ในช่วงของการประเมินแต่อาจจะมากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งจะมีการสรุปในเรื่องของตัวเลขอีกครั้งในการประชุมกอ.รมน. เมื่อถามว่า ปัจจัยใดที่ทำให้มีการประเมินว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมมากกว่าเดิม นายปณิธาน กล่าวว่า เนื่องจากมีหลายกลุ่มมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ และยังมีกลุ่มที่ต้องการชุมนุมในเดือนตุลาคมอยู่แล้วล่วงหน้าด้วย อีกทั้งในบางส่วนมีความตั้งใจที่จะระดมคนมาให้มากกว่าครั้งที่แล้ว โดยเฉพาะแนวร่วมจากหลายจังหวัด ต่างจากครั้งที่ผ่านมาที่แนวร่วมมาจากคนในกทม.และปริมณฑล ทั้งนี้ จากการประกาศเจตนารมณ์ของบางกลุ่มที่มาร่วมชุมนุมด้วยนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าต้องการทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยมีการไปบ้านของบุคคลสำคัญ หรือที่ทำการสำคัญ หรือแม้แต่ที่ตั้งของรัฐบาลและของทหาร เพื่อเป็นการสร้างความกดดัน สร้างสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในเรื่องของการจราจร การประสานเรื่องคนหาย และเรื่องห้องน้ำให้
ส่วนประเมินว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะชุมนุมยืดเยื้อกี่วัน นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตกลงกันของกลุ่มผู้ชุมนุมว่าจะอยู่กี่วัน ซึ่งเข้าใจว่าในวันที่ 20 ก.ย.บางกลุ่มอาจจะมีการแยกย้ายกลับซึ่งคงต้องดูสถานการณ์ตามความเป็นจริง สำหรับการเฝ้าระวังในพื้นที่อื่นนอกจากเขตดุสิตนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า มีหน่วยงานที่คอยเฝ้าระวังจับตาดูความเคลื่อนไหว เพราะผู้ชุมนุมมาจากหลากหลายพื้นที่ทั้งภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ตอนบน แต่ไม่มีอะไรที่น่าตกใจ ส่วนการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า หลังจากที่มีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในการชุมนุมครั้งที่แล้วทำให้การปฏิบัติหน้าที่มีความชัดเจนมากขึ้น หน่วยปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น รู้ว่าอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ รวมทั้งมีความชัดเจนในเรื่องของนโยบายอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นายกรัฐมนตรีมีความเห็นอย่างไรบ้าง นายปณิธานกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจกับคณะรัฐมนตรีว่า การใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นไม่กระทบต่อสิทธิของผู้มาร่วมชุมนุมและประชาชนทั่วไป แต่เป็นการช่วยดูแลและคุ้มครองสิทธิของทั้ง 2 ฝ่ายให้อยู่ในกฎหมาย ส่วนแสดงว่าเชื่อมั่นว่าต่างประเทศจะไม่ออกประกาศเตือนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทยใช่หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้มีการดำเนินการชี้แจงกับสถานทูตต่างๆเพื่อสร้างความเข้าใจ และถ้าหากจำเป็นจริงๆก็จะมีการเชิญตัวแทนมารับทราบข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งนี้รัฐบาลได้มีการเชิญสื่อต่างประเทศมาสังเกตการณ์ด้วย
สำหรับสาเหตุที่ต้องประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงจนถึงวันที่ 22 ก.ย.นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เนื่องจากผู้ชุมนุมเดินทางมามากกว่าครั้งที่แล้ว ดังนั้นต้องให้เวลากับผู้มาร่วมชุมนุมในการเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วย ส่วนห่วงเรื่องของมือที่ 3 หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า เราก็เฝ้าระวังอยู่ อีกทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่า การควบคุมบุคคลที่ไม่หวังดีนั้นจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้มากขึ้นด้วย แต่แนวโน้มในขณะนี้ถือว่าไม่น่าห่วงมากนัก เพราะเท่าที่มีการประเมินนั้นพอทำให้ทราบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้อยู่ที่ไหนบ้าง เมื่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่เขตดุสิตก็อาจจำเป็นต้องตั้งด่านตรวจกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ให้มากขึ้น
ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าอาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เงื่อนไขที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในขณะนี้นั้นยังไม่มี นายกรัฐมนตรีก็ได้ยืนยันต่อคณะรัฐมนตรีอย่างชัดเจนว่าประชาชนก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากขณะนี้ประชาชนต้องการการเมืองที่มีเสถียรภาพ รวมทั้งต้องการให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เรื่องการเมืองนั้นต้องตัดสินด้วยวิธีการประชาธิปไตยซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเองก็เห็นสอดคล้องกันในส่วนนี้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเคยประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวในพื้นที่เขตดุสิตเช่นกัน ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม - 1 กันยายน แต่กลุ่มคนเสื้อแดงได้ชิงประกาศยกเลิกการนัดชุมนุมในวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา
