ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บิโภค เผย รมต.สำนักฯ กำชับคณะกรรมการยกร่าง กม.ควบคุมโฆษณาแฝงในสื่อทีวีเคเบิลทีวี ขีดเส้นให้แล้วภายในสิ้นเดือนนี้ ก่อนให้เอกชนนำไปทดลองใช้เป็นเวลา 3 เดือน
วันนี้ (11 ก.ย.) นายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) ที่มี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อยกร่างมาตรฐานการควบคุมโฆษณาแฝงในสื่อโทรทัศน์ เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม โดยมีรองเลขาธิการ สคบ.เป็นประธาน และมีคณะกรรมการจากผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรอิสระ นักวิชาการ เพื่อให้การโฆษณาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มาตรฐานเดียวกันภายใต้กรอบการดูแลกันเองของผู้ประกอบการและคำนึงการอยู่รอดของผู้ผลิตรายการ โดยเฉพาะรายการเด็กและเยาวชนที่เป็นรายการดี แต่ไม่สามารถขายโฆษณาได้
ทั้งนี้ คคบ.กำหนดให้ยกร่างให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อเสนอให้ คคบ.พิจารณาเห็นชอบ ก่อนให้เอกชนนำไปทดลองปฏิบัติภายใน 3 เดือน ว่า สามารถปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใดก่อนนำมาประเมินผลร่วมกัน เพื่อให้การโฆษาแฝงเป็นไปในทิศทางเดียวกันระหว่างที่รอการออกกฎหมายของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการเสียงแห่งชาติ (กสทช.) ที่จะออกมาบังคับใช้อย่างเป็นทางการต่อไป
ที่ผ่านมา ภาคเอกชนได้ดูแลกันเองในเรื่องของการโฆษณา ทั้งเนื้อหาในรายการโฆษณาหรือประเภทของการโฆษณา แต่ในส่วนของการโฆษณาแฝง ยังไม่มีองค์กรใดเข้ามากำกับดูแลหรือควบคุมให้ได้มาตรฐาน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่และต้องเร่งปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด หลังจากที่ นายสาทิตย์ ในฐานะ คคบ.ได้เรียกประชุมเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในวันที่ 14 ก.ย.นี้ สคบ.ได้เชิญผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำสัญญากรณีซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับหน่วยงานของรัฐ และทบทวนข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการทำสัญญา ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจและผู้บริโภค และยังช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบธุรกิจ ใช้ข้อสัญญาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค และแสดงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคให้มากขึ้น
นายนิโรธ กล่าวว่า ที่ประชุม คคบ.ยังมีมติให้ดำเนินคดีแพ่ง กับผู้ประกอบุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค กรณีไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ผิดบันทึกข้อตกลง ไม่โอนกรรมสิทธ์ในที่ดิน ส่งมอบทรัพย์ไม่ตรงตามสัญญา ไม่ก่อสร้างบ้านตามสัญญา ไม่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดตามสัญญา และกรณีไม่ก่อสร้างห้องชุดให้แล้วเสร็จ ตามสัญญา รวม 11 โครงการ เพื่อเรียกเงินคืนให้ผู้บริโภคกว่า 7 ล้านบาท และมีมติให้ปรับบริษัทขายเครื่องกรองน้ำที่โฆษณาเกินจริง และดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทจำหน่ายสินค้า และบริการต่างๆอีก 5 บริษัท ทั้งบริษัทนำเที่ยว บริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์ และศูนย์พยาบาล เป็นต้น