xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ลั่นใบลา “ป๊อด” หนีไม่พ้นมติ ป.ป.ช.ย้ำโทษไล่ออก-ปลดออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกฯยืนยันจะไม่ทบทวนใบลาออก ผบ.ตร.แต่ยังไม่เซ็นอนุมัติ เพราะต้องขอเวลาตรวจสอบตามระเบียบ ก.ตร.พูดชัดมติชี้มูล ป.ป.ช.เอาผิดย้อนหลังได้ ลั่นจะต้องยึดปฏิบัติกฎหมายอย่างเคร่งครัด ย้ำ เมื่อมติ ป.ป.ช.ถึงมือย้ำโทษ “พัชรวาท” ที่จะได้รับ คือ ไม่ไล่ออก ก็ปลดออก เท่านั้น

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (10 ก.ย.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นท์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงการยื่นลาออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า ยังไม่ได้รับใบลาออกของ พล.ต.อ.พัชรวาท โดยวานนี้ (9 ก.ย.) ตนเองไม่อยู่ไปเข้าเฝ้าฯ และไปเปิดงานกีฬาแห่งชาติ ส่วนในช่วงเช้าที่ผ่านมา (10 ก.ย.) เข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาลก็ยังไม่เห็น ทราบจากข่าว แต่ยังไม่มีใครรายงานให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลาออกเช่นนี้ถือว่ามีผลเลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี เพราะการลาออกในระบบราชการ จะมีผลต่อเมื่อได้รับการอนุมัติ ในกรณีนี้เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาที่จะอนุมัติซึ่งคือตน จะอนุมัติหรือไม่อย่างไรนั้น มีกฎระเบียบอยู่ และเมื่อเป็นข้าราชการตำรวจก็จะมีระเบียบ และขั้นตอนต่างๆ ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) อยู่ ซึ่งปกติแล้วข้าราชการจะลาออก จะต้องบอกล่วงหน้า 30 วันยกเว้นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ต้องไปดูที่ใบลาของ ผบ.ตร.อีกที แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม ผู้บังคับบัญชาก่อนจะอนุมัติต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประเด็นที่จะต้องตรวจสอบสำหรับทุกกรณีจะเป็นเรื่องภาระผูกพันอะไรที่มีอยู่หรือไม่ รวมไปถึงการดำเนินการที่เกี่ยวพันกับเรื่องวินัย ซึ่งจะมีขั้นตอนตรงนี้เพราะฉะนั้นต้องดูตามขั้นตอนและกฎระเบียบตรงนี้ ใบลามันยังมาไม่ถึงแต่ปกติเมื่อมา ก่อนจะอนุมัติได้ต้องมีการไปตรวจสอบตามกฎระเบียบของทางราชการก่อน

เมื่อถามว่า ผบ.ตร.จะต้องไปรายงานตัวตามคำสั่งต่อสำนักนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่า ผบ.ตร.ยังไม่ได้ลาออก จนกว่าจะมีการอนุมัติ ส่วนความผิดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลไปแล้วนั้น คงไม่ได้รับผลกระทบ อย่างกรณีก่อนหน้านี้ ที่มีอดีตปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการ ก.พ.หลายคนที่เกษียณราชการไปแล้ว ทาง ป.ป.ช.ก็ยังชี้มูลความผิดภายหลัง ซึ่งต้องมีการดำเนินการทางวินัยจนครบถ้วนและมีผลย้อนหลังกลับไป ดังนั้น ตรงนี้คงไม่ได้รับผลกระทบ แต่การอนุมัติการลาออกก็จะต้องเป็นไปตามระเบียบ ตนเองก็ต้องทำตามกฎระเบียบ ส่วนจะมองว่าเป็นการหนีความรับผิดชอบหรือไม่นั้น ไม่คิดว่าจะได้รับผลกระทบ เพียงแต่มีขั้นตอน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมในกฎของ ก.ตร.เขาจะต้องให้มีการไปตรวจสอบว่า มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัยที่ไหนบ้าง ซึ่งก็จะมีขั้นตอนตรงนั้นด้วยส่วนหนึ่ง

เมื่อถามว่า นายกฯจะใช้เวลานานหรือไม่ในการเข้าไปตรวจสอบก่อน ที่จะมีการลงโทษทางวินัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองคงไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเอง ตรงนี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายกำลังพลแต่เมื่อเรื่องมาถึง ตนก็ต้องมาดูว่าเขาตรวจสอบมาเรียบร้อยหรือไม่ และจะต้องมีการแจ้งไปยังหน่วยงานไหน อย่างไรบ้าง เช่น หากมีเรื่องทางวินัยค้างอยู่ กฎเขียนชัดเลยว่า ก่อนที่จะอนุมัติให้ลาออก ต้องแจ้งเรื่องกลับไปให้หน่วยงานต่างๆ ทราบก่อน ส่วนจำเป็นจะต้องลงโทษทางวินัยก่อน ที่จะมีการอนุมัติให้ลาออกก่อน ก็คงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะตามกฎต้องแจ้งให้หน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องนั้นทราบ เขาคงจะต้องมีความมั่นใจว่าไม่มีปัญหาหรือไม่ได้มีผลกระทบอะไร

เมื่อถามว่ามีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่พอใจ และมีข่าวจะลาออก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยิน เพราะเรื่องนี้ ที่ผ่านมา ท่านบอกว่า มีอะไรให้ตนคุยกับ ผบ.ตร.เอง และเมื่อวานนี้ (9 ก ย.) ก่อนที่ตนจะเซ็นคำสั่ง ก็โทร.คุยกับ ผบ.ตร.และการที่ ผบ.ตร.ชิงลาออกก่อนนั้น ถือเป็นสิทธิของ ผบ.ตร.แต่การอนุมัติ ตนเองต้องทำตามระเบียบ หากตนยังไม่อนุมัติก็หมายความว่ายังไม่ได้ลาออก

ส่วนจะมีการทบทวนใบลาออกหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มี เพราะผบ.ตร.เสนอมาแล้วตามระเบียบ ตนก็ต้องดูว่ายับยั้งหรือไม่ แต่การยับยั้งจะต้องเป็นไป เพื่อประโยชน์ทางราชการ ถ้าจะไม่ยับยั้งหรืออนุมัติก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ ของ ป.ป.ช.ที่กำหนดบทลงโทษว่าจะต้องปลดออกหรือให้ออกเท่านั้น อันนั้นหมายความว่า เมื่อเรื่องมีมติชี้มูลมาถึง ตนเองก็ต้องตัดสินใจว่าไล่ออกหรือปลดออก ตรงนั้นเป็นไปตามกฎหมายของ ป.ป.ช.ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมติมาถึงเมื่อไร ตนก็ต้องดำเนินการตามนั้นอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จะมีผลกระทบต่อการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อเลือก ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่อง กตช.ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดและวันประชุมยังหาไม่ได้ เสียงที่จะโหวตถ้ามีผู้ปฏิบัติราชการแทน ก็คงไม่หาย

เมื่อถามว่า หาก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการแทน และเข้าประชุมก.ต.ช.แทน ผบ.ตร.จะมีสิทธิออกเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่มีส่วนได้เสียก็ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจให้ตรงกัน ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องของการมาหยั่งเสียง หรือมาล็อบบี้ ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นเป็นเรื่องที่จะต้องมาทำความเข้าใจให้ตรงกัน ตอนนี้ก็กำลังทำกัน ส่วนจะมีเสียงที่ไม่ตรงกับตนเองมากน้อยแค่ไหน ตนไม่เคยนับ

เมื่อถามว่า หลังจากที่ ป.ป.ช.มีมติทางตำรวจมีปฎิกิริยาต่อเนื่องออกมาในลักษณะที่อาจจะไม่ใส่เกียร์ในการทำงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าต้องดูรายละเอียดของมติ และตรงนี้ เป็นประเด็นหนึ่งที่เราได้พูดกันในช่วงเดือนเมษายนมาแล้ว และเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมบางครั้งการมีพ.ร.ก.หรือการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงมันจะช่วยคุ้มครองผู้ปฎิบัติได้ชั้นหนึ่ง ขอยืนยันว่า ข้าราชการท่านใดที่ปฎิบัติตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ท่านเป็นคนที่สุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองแน่นอน

เมื่อถามว่า มีการนำเอามติ ป.ป.ช.มาอ้างในทางที่ผิดในการปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลานี้ยังไม่มีใครเห็นตัวมติ ป.ป.ช.เลย ตนจะคุยกับ พล.ต.อ.ธานี ว่า เรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจ และการที่ตั้ง พล.ต.อ.ธานี ทำหน้าที่รักษาการแทน เพราะเห็นว่า เป็นบุคคลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนี้มากกว่า เพราะเราก็รู้กันอยู่ว่า เดือนนี้เป็นเดือนที่ตำรวจ จะต้องมีบทบาทสำคัญและที่กล่าวว่าอาจจะมีการชุมนุมที่สำคัญๆในช่วงนี้นั้น ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตำรวจต้องมีบทบาท เราก็ต้องดูแลว่าทางตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และในช่วงเมษานี้ ตนเองก็ให้ความมั่นใจต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้ว่า รัฐบาลนี้ออกคำสั่งอะไรไป เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าใครปฏิบัติตามคำสั่งโดยสุจริต จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า หลังเกิดเหตุเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามที่จะผลักดันกฎหมายควบคุมฝูงชนตรงนี้มันหายไปไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปเองที่จะไปจัดทำ แต่เมื่อมันมีความละเอียดอ่อน เพราะว่า เมื่อมีกฎหมายในลักษณะนี้ ก็ต้องระวังไม่ให้กระทบสิทธิพื้นฐาน แต่กฎหมายที่เราใช้ตอนประกาศพื้นที่ความมั่นคง ก็ด้วยเหตุผลนี้ เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น