“ดร.ปรีชา” เตือนนายกฯ อนุมัติใบลาออก “พัชรวาท” ผิด ม.157 แน่ เหตุกฎหมาย ป.ป.ช.ระบุชัด หลังชี้มูลความผิด ผู้บังคับบัญชาต้องพิจารณาโทษก่อน ซึ่งมีแค่ “ให้ออก” หรือ “ปลดออก” สอนมวยตำรวจอย่าแกล้งโง่ ให้ ป.ป.ช.แนะวิธีคุมม็อบ ควรรู้เอง ป.อาญา ให้ทำอะไรได้แค่ไหน
ดร.ปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์และรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นต่อการยื่นใบลาออกจากราชการของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ว่า หลังจากยื่นใบลาออกแล้ว ไม่ได้หมายความว่า จะลาออกได้ทันที เพราะตามกฎหมายถ้าเป็นข้าราชการพลเรือน เมื่อยื่นใบลาออกจะต้องให้ผู้บังคับบัญชาอนุมัติก่อน ถ้ายังไม่อนุมัติก็ลาออกไม่ได้ ซึ่งในกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท นั้น ผู้บังคับบัญชา คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนอนุมัติก่อนจึงจะลาออกได้
อย่างไรก็ตาม นายปรีชา กล่าวต่อว่า กรณีนี้นายกฯ ยังไม่สามารถอนุมัติให้ลาออกได้ เพราะโทษของ พล.ต.อ.พัชรวาท ตามที่ ป.ป.ช.วินิจฉัยนั้น มีแค่ 2 สถาน คือ ปลดออก หรือให้ออก ซึ่งนายกฯ จะต้องทำตาม ป.ป.ช.ชี้ว่าจะปลดออกหรือให้ออกเท่านั้น แต่ถ้านายกฯ อนุมัติให้ลาออก ก็หมายความว่า ไม่ต้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท รับโทษตามที่ ป.ป.ช.ชี้ เท่ากับว่า นายกฯ ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.(มาตรา 93, 94) เพราะการลาออก กับให้ออก หรือปลดออกนั้น มันให้ผลต่างกัน เนื่องจากการลาออกจะได้รับบำเหน็จบำนาญ และการให้ออกหรือปลดออก จะไม่ได้อะไรเลย
“ผมอยากจะเตือนท่านนายกฯ ว่า ไม่ควรอนุมัติให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ลาออก และที่จริงท่านก็ไม่มีอำนาจที่จะอนุมัติให้ลาออกได้ แต่ท่านต้องทำตามกฎหมาย ป.ป.ช.ก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาตามมามากมายเลย เช่นว่า เมื่อคุณพัชรวาทลาออกไปแล้ว จะได้รับโทษตามที่ ป.ป.ช.ชี้หรือไม่”
ดร.ปรีชา กล่าวต่อว่า การที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ชิงยื่นใบลาออกก่อนนี้ ไม่ทราบว่ามีเจตนาอะไร อาจเป็นเพราะต้องการให้ผลออกมา ว่า ไม่ต้องโดนปลดออก หรือให้ออก ก็ได้ แต่สำหรับนายกฯ แล้ว จะเลือกอย่างอื่นไม่ได้ เช่น ปรับเงินเดือน หรือให้ลาออก ซึ่งถ้าอนุมัติก็เท่ากับนายกฯ เลี่ยงกฎหมาย ป.ป.ช.และนายกฯ จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เสียเอง นี่เป็นข้อกฎหมาย ที่นายกฯ อาจจะยังไม่ทราบ
“ถ้า ป.ป.ช.ส่งหนังสือมาวันนี้หรือพรุ่งนี้ นายกฯ ก็ต้องเลือกเอา 2 อย่าง ให้ออก หรือปลดออก แล้วแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบว่า ได้เลือกใช้การลงโทษสถานใด” นายปรีชา กล่าว
ดร.ปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.พัชรวาท และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้นั้น โดยส่วนตัวตนเห็นว่า สามารถเพิ่มเติมข้อกล่าวหาในชั้นอัยการได้ กรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ซึ่งสามารถขยายความต่อได้ว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในเรื่องที่สั่งให้มีการสลายการชุมชุนม แล้วทำให้มีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งจะมีโทษรุนแรงมากกว่า บอกแค่ว่า ผิดมาตรา 157 ธรรมดา อย่างไรก็ตาม นี่เป็นความเห็นส่วนตัว เพราะเห็นว่าผลจากการที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น สร้างความเสียหายตามมามากมาย จึงควรที่จะได้รับโทษเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ประชาชนผู้เสียหายสามารถฟ้องเองได้ต่างหาก แต่ก็ต้องสู้กันถึง 3 ศาล ต่างจากการฟ้องผ่านอัยการซึ่งจะยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพียงศาลเดียว
ดร.ปรีชา กล่าวต่อว่า การที่ตำรวจอ้างว่าคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมจะทำให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมได้ยากขึ้น และขอให้ ป.ป.ช.ช่วยให้คำแนะนำด้วยว่า จะปฏิบัติหน้าที่อย่างไรนั้น นายปรีชา กล่าวว่า ตนในฐานะที่เป็นคนร่วมร่างกฎหมาย ป.ป.ช.ขอบอกว่า ป.ป.ช.ไม่มีหน้าที่ไปให้คำแนะนำตำรวจว่าควรจะทำอย่างไร ป.ป.ช.มีหน้าที่พิจารณาเพียงว่าการกระทำนั้นเข้าข่ายทุจริตประพฤติมิชอบหรือไม่ แต่ตำรวจเองจะต้องรู้ว่าตามประมวลกฎหมายอาญานั้น จะทำอย่างไรในเรื่องการควบฝูงชน เรื่องการป้องกันตัว ทำอย่างไรจึงจะสมควรแก่เหตุ ซึ่งมันไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องไปบอกว่าตำรวจควรจะทำอย่างไร
