“ธงทอง” คาดได้รับคำสั่งแต่งตั้งนั่งประธานกรรมการสอบทุจริตงบพีอาร์ สตช.18 ล้านวันนี้ วางกรอบ 60 วันสอบ เปิดทาง “พัชรวาท” ทำหนังสือชี้แจงภายใน 15 วันก่อน พร้อมเล็งเชิญ “เสรีพิศุทธ์” แจงด้วย ไม่หวั่นเจอตอ บอกคุยนายกฯ เคลียร์ปัญหาได้ตลอด ขณะที่ปลัดสำนักนายกฯ ปัดยังไม่มีการย้าย ผบ.ตร.เข้าช่วยงานทำเนียบ
วันนี้ (8 ก.ย.) นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีการทุจริตใช้เงินงบประมาณประชาสัมพันธ์ สำนักการตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กว่า 18 ล้านบาทว่า ขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวแล้ว 7 คน โดยมีนายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธาน เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน รวมทั้งเป็นผู้ที่มีความอาวุโส ขณะที่กรอบเวลาของการสอบสวนนั้นต้องพิจารณาต่อความเหมาะสมและจะมีการเรียกผู้ใดมาสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กรณีการสลายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 นั้น ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับคำสั่งจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ทำหนังสือของตัว พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยราชการ
ด้าน นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสำนักงานสภาการศึกษา ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นประธานในการตรวจสอบการทุจริตงบโฆษณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) 18 ล้านบาทว่า วันนี้คงได้รับคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งการดำเนินการของคณะกรรมการก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่อยู่ในกฎคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ว่าด้วยเรื่องการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการจัดเอกสาร เพราะต้องมีเอกสารที่เกี่ยวข้องส่งมาประกอบด้วย โดยขณะนี้ตนเองได้ประสานเป็นการภายในกับฝ่ายเลขานุการแล้ว และเมื่อได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการก็จะนัดประชุมคณะกรรมการเพื่อแจ้งคำสั่งไปให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ผู้ถูกกล่าวหารับทราบ เพื่อทำคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษามาให้คณะกรรมการพิจารณาภายใน 15 วัน ส่วนจะให้ชี้แจงกับคณะกรรมการหรือไม่นั้น ต้องรอดูเอกสารที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติชี้แจงมาก่อนว่าชัดเจนแค่ไหน รวมทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย เพราะเป็นต้นเรื่องในการร้องเรียนเรื่องนี้ว่าจะเชิญมาให้ข้อมูลหรือไม่
นายธงทองกล่าวอีกว่า คาดว่าก่อนได้รับคำชี้แจง คณะกรรมการจะต้องนัดประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานภายในสัปดาห์นี้ โดยกำหนดกรอบของระยะเวลาการดำเนินการเอาไว้ 60 วัน และหากยังพิจารณาไม่เสร็จก็จะสามารถขอเวลาเพิ่มได้อีก 60 วัน ทั้งนี้ เมื่อผลการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะรายงานผลไปยังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. รับทราบและหากพบว่ามีความผิดทางอาญาก็จะต้องส่งให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณา แต่หากเป็นความผิดทางวินัยก็จะต้องตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาทางวินัยที่เกี่ยวกับกฎหมายทางตำรวจต่อไป
ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าการสอบสวนประเด็นดังกล่าวอาจเจอตอ เพราะข้าราชการตำรวจอาจไม่กล้าให้ข้อมูลนั้น นายธงทองกล่าวว่า เรื่องนี้ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งท่านทราบปัญหาดี และหากเกิดเจออุปสรรคคงจะต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีเป็นระยะว่าจะแก้ไขอย่างไร จะมีการให้อำนาจเพิ่มเติมหรือไม่ แต่ตนไม่ได้มีการเสนอเพื่อขอให้ย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งพักราชการ หรือไล่ออกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องการสอบจะต้องยุติหรือไม่ นายธงทองกล่าวว่า ต้องขอดูรายละเอียดก่อน เพราะตนไม่แน่ใจในข้อกฎหมายว่าจะสามารถหยุดเรื่องการสอบได้หรือไม่ ส่วนคณะกรรมการที่เป็นตำรวจในการสอบเรื่องนี้ ตนทำงานร่วมกันได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
