“พัชรวาท” ดื้อตาใส ถูกถามถึงคำสั่ง ป.ป.ช.ระบุ “อะไรจะเร็วขนาดนั้น” ลั่นยังไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ อ้างจะทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งตามกฎหมายออกมา เพราะไม่มีข้อห้ามที่ไม่ให้ทำหน้าที่
วันนี้ (7 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลัง คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ว่า ได้มีผู้สื่อข่าวทุกสำนักต่างเฝ้ารอที่จะสัมภาษณ์ พล.ต.อ.พัชรวาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ได้กันไม่ให้สื่อมวลชนขึ้นไปยังสำนักงาน ผบ.ตร.ชั้น 7 โดยให้รออยู่ที่บริเวณหน้าลิฟต์ กระทั่งเวลา 18.20 น.พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ลงมาจากสำนักงาน โดยทันทีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท พบหน้าผู้สื่อข่าว ก็ยิ้มทักทาย ไม่มีสีหน้าเคร่งเครียด หรือเป็นกังวลแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับหนังสือแจ้งชี้มูลวินัยร้ายแรง จาก คณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือยัง พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวสั้นๆ ว่า อะไรจะเร็วขนาดนั้น พร้อมระบุว่า ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ มีหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของข้าราชการ ทุกกระทรวง ทบวง กรม
เมื่อถามว่า จะหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ทำไมจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ ก็ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งตามกฎหมายออกมา ไม่มีข้อห้ามที่ไม่ให้ทำหน้าที่ จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ขึ้นรถตู้ส่วนตัวเพื่อกลับที่พักทันที
สำหรับผลการชี้มูลในส่วนของ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ป.ป.ช.ชี้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมในช่วงเช้ามีผู้บาดเจ็บถึงขั้นขาขาด และมีบาดแผลในร่างกายหลายราย สื่อมวลชนได้เสนอข่าวอยู่ตลอดเวลา พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงที่ได้รับนโยบายจากฝ่ายการเมือง ให้ไปดำเนินการเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาเข้าประชุม กลับเพิกเฉยไม่สั่งการให้หยุดยั้งการกระทำ หรือยอมกระทำการอันเป็นการเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายต่อประชาชน เพื่อสนองนโยบายของฝ่ายการเมืองที่พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อ้างว่า ไม่สามารถขัดขืนได้ นั้น เป็นการไม่รับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ของตนเองที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นหลัก ถึงแม้ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จะพยายามที่จะให้มีการเปลี่ยนสถานที่ประชุมหรือเลื่อนวันประชุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะไม่มีเหตุการณ์เผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างผลของการกระทำที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การบังคับบัญชาของพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้กระทำไป และการที่พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้ทำตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้กระทำ โดยมิได้ยับยั้งการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน ตามวิสัยของข้าราชการตำรวจที่มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ จนเกิดความเสียหายดังกล่าว การกระทำหรือละเว้นการกระทำของพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และฐานละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 79(5) (6) และมีมูลความผิดทางอาญาฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
วันนี้ (7 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลัง คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ว่า ได้มีผู้สื่อข่าวทุกสำนักต่างเฝ้ารอที่จะสัมภาษณ์ พล.ต.อ.พัชรวาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ได้กันไม่ให้สื่อมวลชนขึ้นไปยังสำนักงาน ผบ.ตร.ชั้น 7 โดยให้รออยู่ที่บริเวณหน้าลิฟต์ กระทั่งเวลา 18.20 น.พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ลงมาจากสำนักงาน โดยทันทีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท พบหน้าผู้สื่อข่าว ก็ยิ้มทักทาย ไม่มีสีหน้าเคร่งเครียด หรือเป็นกังวลแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับหนังสือแจ้งชี้มูลวินัยร้ายแรง จาก คณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือยัง พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวสั้นๆ ว่า อะไรจะเร็วขนาดนั้น พร้อมระบุว่า ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ มีหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของข้าราชการ ทุกกระทรวง ทบวง กรม
เมื่อถามว่า จะหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ทำไมจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ ก็ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งตามกฎหมายออกมา ไม่มีข้อห้ามที่ไม่ให้ทำหน้าที่ จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ขึ้นรถตู้ส่วนตัวเพื่อกลับที่พักทันที
สำหรับผลการชี้มูลในส่วนของ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ป.ป.ช.ชี้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมในช่วงเช้ามีผู้บาดเจ็บถึงขั้นขาขาด และมีบาดแผลในร่างกายหลายราย สื่อมวลชนได้เสนอข่าวอยู่ตลอดเวลา พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงที่ได้รับนโยบายจากฝ่ายการเมือง ให้ไปดำเนินการเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาเข้าประชุม กลับเพิกเฉยไม่สั่งการให้หยุดยั้งการกระทำ หรือยอมกระทำการอันเป็นการเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายต่อประชาชน เพื่อสนองนโยบายของฝ่ายการเมืองที่พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อ้างว่า ไม่สามารถขัดขืนได้ นั้น เป็นการไม่รับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ของตนเองที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นหลัก ถึงแม้ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จะพยายามที่จะให้มีการเปลี่ยนสถานที่ประชุมหรือเลื่อนวันประชุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะไม่มีเหตุการณ์เผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างผลของการกระทำที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การบังคับบัญชาของพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้กระทำไป และการที่พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ได้ทำตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้กระทำ โดยมิได้ยับยั้งการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน ตามวิสัยของข้าราชการตำรวจที่มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ จนเกิดความเสียหายดังกล่าว การกระทำหรือละเว้นการกระทำของพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และฐานละเว้นการกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 79(5) (6) และมีมูลความผิดทางอาญาฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157