"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
โดย โชกุน
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพนันชนไก่และกัดปลา พ.ศ.2552 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2552 เป็นต้นไป ออกมาได้จังหวะเวลาต้อนรับหน้าตีไก่พอดี
การพนัน หรือ กีฬาตีไก่ ตีกันทั้งปี แต่ในช่วงหลังสงกรานต์ไปจนถึงออกพรรษา จะไม่ค่อยมี อาจจะเป็นเพราะเข้าหน้าฝน ไก่จะติดหวัดง่าย เลยถือเป็นช่วงพักแข้ง ประคบประหงม ออกกำลังยืดเส้นยืดสาย อยู่แต่ในซุ้ม รอฤดูกาลใหม่ หลังออกพรรษา หมดฝนแล้ว
กระทรวงมหาดไทยห้ามเปิดบ่อนไก่มาเกือบ 30 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยพลเอกสิทธิ จิรโรจน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะปู่สิทธิไม่ชอบอบายมุขและจำกัดให้ตีไก่ได้เฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีความพยายามจากผู้ที่ชอบตีไก่ที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขให้มีการเปิดบ่อนไก่ แต่ก็ไม่เป็นผล มาสำเร็จเอาในยุคที่พรรคภูมิใจไทยครองอำนาจในกระทรวงมหาดไทย
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ ซึ่งลงนามโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม อนุญาตให้เปิดบ่อนไก่ได้โดยเสรีทั่วประเทศ ใครที่มีอายุ 35 ปี สัญชาติไทย ไม่เคยล้มละลาย ไม่เคยติดคุก ถ้าติดแต่พ้นโทษมาแล้วเกิน 2 ปี ก็เปิดได้ โดยขออนุญาตกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในต่างจังหวัด ถ้าในกรุงเทพเป็นอำนาจของอธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
สาระสำคัญอีกข้อหนึ่งคือ เพิ่มวันชนไก่ จากเดิมที่ให้เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ ก็เพิ่มเป็นทุกเสาร์อาทิตย์ หรือเดือนละ 8 วัน แต่ให้มีการพนันกันได้ ไม่เกิน 5 วัน และต้องไม่ตรงกับวัน เฉลิมพระชนมพรรษา และวันสำคัญทางศาสนา
เชื่อหรือว่า เซียนพนันจะไปนั่งดูไก่ตีกันสนุกๆ โดยไม่นึกอยากจะได้เสียกัน ใน 3 วัน ที่ตีไก่ได้ แต่ห้ามพนัน
นายชวรัตน์ ไม่ชอบตีไก่ ถนัดแต่ปั่นจิ้งหรีด แต่นักการเมืองในสังกัดพรรคภูมิใจไทยหลายคน ชอบไก่ชน โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งเป็นเจ้าของไก่ชนตัวเก่งจำนวนมาก และลือกันว่า เขาคือเจ้าของสนามชนไก่ เทิดไท ที่ลาดกระบัง ซึ่งเพิ่งจะจัดมหกรรมกีฬาไก่ชนไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมนี้ มีนายชวรัตน์ นายเนวิน ชิดชอบ นายยืนยง โอภากุล และนายธนินท์ เจียรวนนท์ ซึ่งชอบไก่ชนเหมือนกัน ถึงขนาดมีบ่อนของตัวเองที่อำเภอ แสนตุ้ง จังหวัดตราด ไปร่วมงานด้วย
การเปิดเสรีบ่อนไก่ชน และเพิ่มวันตีไก่ครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย น่าจะได้ประโยชน์ ทางการเมือง ที่สามารถนำไปหาเสียงได้ว่า เป็นผลงานของพรรคที่ทำให้เปิดบ่อนไก่ได้ทั่วประเทศ จังหวัดหนึ่งจะเปิดสักบ่อนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด
การชนไก่ แม้จะเป็นความโหดร้าย สำหรับคนจำนวนมาก แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยในต่างจังหวัด ที่ชอบเลี้ยงไก่ชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. และผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ส่วนใหญ่จะเลี้ยงไก่ชน คนเหล่านี้คือ ฐานคะแนนเสียงท่าสำคัญในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง
เลี้ยงไก่ชนแล้ว ถ้าไม่อุ้มไปตี กินเดิมพันกับไก่ของคนอื่นๆ ก็ไม่สนุก และไม่รู้ว่าจะเลี้ยงไปทำไม แต่ที่ผ่านมา บ่อนไก่ใหญ่ๆมีน้อย และเปิดเฉพาะวันอาทิตย์ ถ้าหาคู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อกันไม่ได้ ก็ต้องรอไปถึงอาทิตย์หน้า เลยช่วงที่ไก่ฟิตเต็มที่พร้อมที่จะชนไปแล้ว ต้องเริ่มซ้อมกันใหม่
แต่ต่อไปนี้ ทุกจังหวัดในประเทศไทยจะมีบ่อนไก่ใหญ่ๆ บางจังหวัดอาจจะมีทุกอำเภอก็เป็นไปได้ ไม่ต้องเสียเวลาอุ้มไก่ข้ามจังหวัดไปเปรียบหาคุ่ชก และจะร่ำลือไปทั่วภาคอีสานอันเป็นสมรภูมิที่พรรคภูมิใจไทย ต้องขับเคี่ยวกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า เพราะมีเนวิน และพรรคภูมิใจไทย เราจึงมีบ่อนไก่ในวันนี้
รายได้ของบ่อนไก่ มาจากการขายตั๋วเข้าชม ราคาตั้งแต่ 50 -200 บาท แล้วแต่ที่นั่ง ขายอาหาร เครื่องดื่มให้คนที่เข้ามาเล่นพนัน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่กันทั้งวัน ต้องดื่ม และรายได้ก้อนใหญ่จาก ส่วนแบ่ง 10 % ของเงินวางเดิมพัน ที่เจ้าของไก่ที่แพ้ต้องจ่ายให้กับเจ้าของบ่อน ซึ่งเดิมพันนั้น มีตั้งแต่หลักหมื่น ถึงแสน แล้วแต่ชื่อชั้นของไก่ และเจ้าของไก่
บ่อนไก่ แต่ละแห่งจึงน่าจะมีเงินหมุนเวียนไม่น้อยในแต่ละเดือน ใครที่ได้ใบอนุญาตเปิดบ่อน ก็ถือว่าโชคดี เป็นเจ้าของธุรกิจที่ไม่มีวันขาดทุน และต้องสำนึกในบุญคุณของผู้ที่หยิบยื่นโอกาสนี้มาให้ คือ พรรคภูมิใจไทย
การเปิดเสรีบ่อนไก่ชน จึงเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองที่เหนือชั้นของพรรคภูมิใจไทย แต่ว่า เป็นกลายุทธ์ที่ไม่คำนึงถึง ศีลธรรม จรรยา ผลกระทบต่อสังคม เพราะการให้เปิดบ่อนไก่ได้โดยเสรี ก็คือ การส่งเสริมให้คนไทยเล่นพนัน มัวเมาในอบายมุขกันมากขึ้น
เสาร์อาทิตย์ตื่นแต่เช้า เข้าบ่อนไก่ ระหว่างรอผลแพ้ชนะ ก็พนันปลากัดฆ่าเวลาไปพลางๆ หรือไม่ก็หันไปพนันมวยตู้ที่ทางบ่อนเปิดให้ดู ตกเย็นบ่อนเลิก กลับไปแทงบอลพรีเมียร์ลีก
เป็นวิธีการที่เอาแต่ได้ โดยไม่สนใจว่า สังคมจะเป็นอย่างไร