xs
xsm
sm
md
lg

“ชายจืด” ทำบุญวันเกิด 62 ปี ป้องตระกูลชินวัตรไม่เคยทำร้ายใคร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชาย วงศ์สวัสดิ์
“ชายกระโปรง” เปิดบ้านย่านเบเวอรี่ฮิลล์ ทำบุญเลี้ยงพระอายุครบ 62 ปี ไร้เงา “เจ๊แดง” หลังเยี่ยมพี่ชายเมืองนอก ออกโรงการันตีตระกูลเมีย เชื่อคนตระกูลชินวัตรมีคุณธรรม รักสงบ ไม่ทำร้ายใคร ยัน “แม้ว” เข้าเฝ้าฯ กษัตริย์สวาซิแลนด์จริง แย้มพี่เมียอวยพรขอให้มีความสุข มั่นใจพี่เขยทวิตข้อความไม่เป็นผลร้ายกับใคร ชี้เสื้อแดงชุมนุมหากไม่ผิดกฎหมายก็ทำได้ ระบุยุบสภาเป็นไปได้อยู่ที่ “มาร์ค” ตัดสิน ทำสอนรัฐบาลไปรอดหรือไม่อยู่ที่ภาวะผู้นำ

วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น.ที่หมู่บ้านเบเวอรี่ฮิลล์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำบุญเลี้ยงอาหารพระสงฆ์จากวัดนครอินทร์ จำนวน 9 รูป เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 62 ปี ร่วมกับ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาว ขณะที่นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยานั้นอยู่ระหว่างเดินทางไปเยี่ยม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สำหรับ น.ส.ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวคนเล็กนั้นก็อยู่ระหว่างศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย นอกจากนี้ ยังมีบุคคลจากวงการต่างๆ ทั้งนักการเมือง และข้าราชการ เข้าอวยพรด้วย อาทิ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 นายอัศนี เชิดชัย ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และคณะ ส่วนบุคคลในแวดวงราชการที่ส่งกระเช้ามาอวยพรนั้น เช่น นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิช อธิบดีกรมการปกครอง เป็นต้น

นายสมชายให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่บุคคลในตระกูลชินวัตรถูกโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า ตนไม่เคยฟังคลิปดังกล่าวว่ามีเนื้อหาอย่างไร ทราบเรื่องจากสื่อเท่านั้น ส่วนที่มีข่าวว่าคนในตระกูลชินวัตรเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ควรจะมีหลักฐานและข้อมูล ถึงแม้ตนจะไม่ได้นามสกุลชินวัตร แต่มั่นใจว่าคนในตระกูลชินวัตรเท่าที่ตนรู้จักเป็นคนที่มีคุณธรรม รักความสงบ ไม่มีความคิดที่จะทำร้ายใคร ที่ผ่านมามีแต่ถูกทำร้ายมากกว่า ขอยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นอย่างที่มีข่าว และเชื่อว่าความจริงก็คือความจริง ก็ต้องไปพิสูจน์กัน

นายสมชายกล่าวอีกว่า ตนไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้ แต่มองว่าถ้ามีการตัดต่อคนที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไป ส่วนถ้อยคำจะเป็นอย่างไรก็ต้องไปดูกัน ถ้าอยากให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อย การพูดจาหรือแสดงความคิดเห็นใดก็ควรมีหลักฐานข้อมูล ประชาชนจะได้ไม่สับสน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนางเยาวภา พูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายสมชายกล่าวว่า ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ แต่คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็คงทราบ ขณะนี้อาจดูสับสนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งสุดท้ายแล้วความจริงก็จะปรากฏออกมาว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายวิจารณ์ภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ กษัตริย์ของประเทศสวาซิแลนด์ว่าเป็นการตัดต่อเพื่อสร้างเครดิตให้กับตัวเองนั้น นายสมชายกล่าวว่า ถ้ามีการตัดต่อก็ต้องมีคนออกมาเปิดเผย แต่ถ้าไม่ได้ตัดต่อเชื่อว่าความจริงก็จะปรากฏ เรื่องนี้คนที่พูดต้องระวัง เพราะบุคคลในภาพเป็นถึงกษัตริย์ที่มีบุคคลให้ความเคารพ ดังนั้น ต้องระวังไม่ให้ไปกระทบกับประมุขของประเทศอื่นด้วย ตนคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องสร้างเครดิตด้วยวิธีนี้ และเท่าที่ทราบ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าเฝ้าฯ ประมุขประเทศสวาซิแลนด์จริง แต่ไม่รู้ว่าภาพถูกตัดต่อหรือไม่ ตนต้องการให้พูดโดยที่มีข้อมูล ไม่อยากให้มาหาความหรือใส่ความกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสัมภาษณ์นั้น น.ส.ชยาภา ได้โทรศัพท์ข้ามทวีปเพื่ออวยพรวันเกิดให้กับนายสมชาย โดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 3 นาที ทั้งนี้ นายสมชายได้กล่าวกับบุตรสาวว่า รู้สึกดีใจที่จำวันเกิดได้ และขอให้บุตรสาวตั้งใจเรียนจะได้จบเร็วๆ นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นางเยาวภาได้มอบอะไรเป็นของขวัญวันเกิด นายสมชายกล่าวว่า ไม่มี เพราะก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศนั้นได้พาไปเลี้ยงอาหารค่ำและมอบการ์ดอวยพรให้แล้ว นอกจากนี้ยังกำชับให้เปิดในวันเกิดด้วย ซึ่งภายในเขียนข้อความว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเหนื่อยมาก็มาก ทุกคนทำงานมีอุปสรรค แต่ก็ตั้งใจจนผ่านอุปสรรคไปได้ ถึงแม้จะลำบากแต่ก็ประสบความสำเร็จ ขอให้มีกำลังใจทำงานเพื่อส่วนรวมต่อไปครอบครัวเข้าใจและพร้อมเสียสละ” ทั้งนี้ ในระหว่างที่ถ่ายทอดข้อความในการ์ดนั้น นายสมชายมีท่าทีที่ดูปลาบปลื้มใจ เนื่องจากเป็นการ์ดใบแรกที่นางเยาวภามอบให้ และยังระบุด้วยว่าเมื่อช่วงเช้านางเยาวภาได้โทรศัพท์มาอีกครั้งและพูดคุยกับตนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะที่คุยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้อวยพรผ่านเข้ามาด้วยว่า “เหนื่อยไหม และในวันเกิดขอให้มีความสุขมากๆ”

นายสมชายให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ระบุว่าถึงแม้กลุ่มคนเสื้อแดงจะเลื่อนวันชุมนุมออกไปเป็นวันที่ 5 ก.ย.แต่จะยังคง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรไว้ และยังเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หยุดเคลื่อนไหวว่า ตนเป็นคนนอก แต่ที่ผ่านมาเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องการเมืองเกินไปหรือไม่ รัฐบาลอยู่ในการเมือง อดีตนายกฯก็เคยอยู่การเมือง รัฐบาลมีสถานะดูแลความเรียบร้อยของบ้านเมือง ต้องดูว่าเมื่อเคลื่อนไหวแล้วผลที่ตามมาเป็นอย่างไร เช่น ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหว ชุมนุมโดยสงบตามกฎหมายก็เป็นสิทธิ แต่ถ้าเคลื่อนไหวโดยมีอาวุธหรือไปทำร้ายคนอื่นก็ว่ากันไปตามกฎหมาย หากจะห้ามเคลื่อนไหวเลยคงเป็นไปไม่ได้

นายสมชายกล่าวด้วยว่า ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นต้องดูว่าเคลื่อนไหวในเรื่องใด สมมติว่าเดินทางไปประเทศสวาซิแลนด์ ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ ส่วนการพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงก็ต้องดูว่าพูดอย่างไร ถ้าพูดตามประสาพี่น้อง ถามทุกข์สุกดิบก็เป็นสิทธิ์ แต่ถ้าพูดในทำนองยุยงปลุกปั่นก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ฉะนั้นต้องดูจุดประสงค์ของการเคลื่อนไหว การถ่ายรูปคู่กับบุคคลต่างๆลงในทวิตเตอร์หรือทวิตมาบอกว่ากำลังทำอะไรอยู่นั้นก็ไม่ถือว่าเป็นผลร้ายกับใคร จะไปห้ามเขาได้อย่างไร

ส่วนการที่รัฐบาลออกพูดดักคอเช่นนี้ถือว่าตื่นตระหนกไปก่อนหรือไม่นั้น นายสมชายกล่าวว่า ตนไม่วิจารณ์ แต่มองว่ารัฐบาลให้ความสนใจกับ พ.ต.ท.ทักษิณมาก เพราะจับตาทุกความเคลื่อนไหวตลอดเวลา

นายสมชายกล่าวถึงกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าอาจมีการยุบสภาเกิดขึ้นหลัง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ผ่านการพิจารณาของสภาว่า ตนมองอย่างคนที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย เมื่อรัฐบาลทำงานครบเทอมส.ส.ก็ต้องไปตามวาระแล้วเลือกตั้งใหม่ ส่วนการยุบสภาถือเป็นเรื่องปกติ จะยุบช้าหรือเร็วหรือไม่ยุบก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ที่จะเป็นปัจจัยให้นายกรัฐมนตรียุบสภาได้หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งนั้น ตนคงไปเดาใจนายกฯ ไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่

“สมัยที่ตนเป็นนายกฯ ก็มีหลายคน นายกฯ อภิสิทธิ์ก็บอกให้ผมยุบสภาหลายครั้ง แต่มองว่ายังไม่มีเหตุสมควรยุบก็ไม่ยุบ ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจตามอำนาจ และมาถึงรัฐบาลนี้หากตัดสินใจไม่ยุบก็เป็นอำนาจที่ทำได้ เราเป็นคนนอกเท่านั้น” นายสมชายกล่าว

สำหรับความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลนั้นถือเป็นตัวเร่งให้ยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า เป็นธรรมชาติของการเมืองระบบหลายพรรค เมื่อมาอยู่รวมกันก็ต้องมีระหองระแหง มีขัดกันบ้างเป็นธรรมดา แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ภาวะผู้นำของผู้บริหารรัฐบาลและผู้บริหารพรรคที่จะทำให้ทุกอย่างลงตัวและเอาชนะใจพรรคร่วมได้ก็จะไปรอด
กำลังโหลดความคิดเห็น