"ดร.พิชาย" แนะ"มาร์ค" ปรับ ครม. ยึดหลักมหาตมะ คานธี กล้าต่อกรกับความชั่ว เพื่อประเทศ เผยชุมนุมเสื้อแดงแผ่ว แต่ส่อเค้ารุนแรงเพิ่มขึ้น ชี้อาจมีปฏิวัติเงียบ มั่นใจคลิปเสียงอื้อฉาวไม่ใช่นายกฯ ขณะที่"สนธิญาณ" หนุนปรับ ครม. ระบุปัญหาส่วนใหญ่มาจากคนในพรรค เชื่อนัดชุมนุมเสื้อแดงงานกร่อย เหตุไม่มีแรงจูงใจ-แตกแยก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนในข่าว”
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 28 สิงหาคม 2552 โดยมี รัตติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นักสื่อสารมวลชนอิสระ มาร่วมวิเคราะห์ภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และประเมินสถานการณ์นัดชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง
ดร.พิชาย ประเมินการนัดชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ว่า จะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมจะไม่มาก เพราะความขัดแย้งกันเองของกลุ่มเสื้อแดง ประกอบกับไม่มีแรงจูงใจเหมือนครั้งที่แล้วที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามา อย่างไรก็ตามหากจำนวนคนที่เข้าร่วมไม่มาก แต่ยังต้องการคงเป้าหมายเดิมคือสร้างความวุ่นวาย จะต้องใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้รัฐบาลอาจมองเกมออกจึงต้องออก พ.ร.บ. ความมั่นคง เพื่อป้องกันไว้ก่อน
ทั้งนี้หากมีมือที่สามอาศัยเหตุรุนแรงปฏิวัติ ต้องดูว่าใครได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งน่าจะเน้นไปที่คนบางกลุ่มที่มีคดีติดตัว หากมีการปฏิวัติแล้วสามารถทำให้ตัวเอง รอดพ้นจากคดีต่างๆได้ อย่างไรก็ตามรัฐประหารเงียบ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีความเป็นไปได้อย่างมากในสถานการณ์แบบนี้ โดยวิธีบีบให้นายกฯ ลาออกแล้วให้คนที่พวกเขาสามรถควบคุมได้ เข้ามาสวมสิทธิ์แทน
ดร.พิชาย กล่าวว่ารัฐบาลออกพ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อป้องกันกลุ่มเสื้อแดง เป็นประเมินสถานการณ์สูงไปไม่ต่องอะไรกับการขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะจากการกดดันของรัฐบาล ทำให้ รัฐบาลยูเออี สั่งห้าม “นช.แม้ว” ใช้ดูไบเป็นฐานที่มั่นโจมตีการเมืองไทย ย่อมส่งผลให้การสั่งการเสื้อแดงชุมนุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก และท่อน้ำเลี้ยงอาจไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร เพราะในการชุมนุมพวกที่มาส่วนมากจะเป็น 1.พวกที่ต้องการล้มอำมาตย์จริงๆ ซึ่งจากข้อเท็จจริงมีไม่มาก 2.พวกที่มาด้วยการจัดตั้ง ซึ่งก็ต้องอาศัยเงิน ด้วยเหตุนี้ตนคาดว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 30 นี้จะมีคนเข้าร่วมไม่มาก
ดร.พิชาย แบ่งเสื้อแดงเป็นสองกลุ่ม คือ พวกรับจ้าง ได้แก่อดีตนักการเมืองเก่า กับอีกพวกที่อาศัย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเครื่องมือ ประกอบด้วยนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว ที่รอจังหวะความพร้อมของพ.ต.ท.ทักษิณ มาเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่สิ่งที่เขาต้องการ ทั้งนี้หลังจากการเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งมักไม่ประสบความสำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มองเห็นจุดอ่อนของตัวเอง ที่โดนกล่าวหาว่าไม่จงรักสถาบัน จึงได้แสดงเชิงสัญลักษณ์ว่าจงรักภักดี ทำให้กลุ่มที่อาศัยพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พอใจ เลยทำให้พลังการเคลื่อนไหวสองกลุ่มนี้น้อยลง สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของการเลื่อนไหว เป็นสัญญาณว่าเสื้อแดงกำลังจะพ่าย
ดร.พิชาย กล่าวถึงคลิปเสียงนายกฯ ที่สั่งให้ปราบปรามประชาชนโดยใช้ความรุนแรง ว่า ตนไม่เชื่อว่าเป็นคำพูดของนายกฯ เท่าที่ฟังจากถ้อยคำที่เคยพูดไว้ในอดีต รวมทั้งพฤติกรรมต่างๆ มันไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนายกฯ เพราะนายกฯไม่มีธรรมชาติของคนที่จะใช้ความรุนแรง และด้วยความเป็นนักเรียนนอกที่ปลูกฝักแนวคิดประชาธิปไตย อย่างน้อยย่อมมีจิตสำนึกด้านสิทธิมนุษย์ชน ประกอบกับเป็นคนตรงไปตรงมา ที่ไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง
ดร.พิชาย กล่าว่าขบวนการบั่นทอนอำนาจนายกฯ มีจริง ทั้งจากกลุ่มเสื้อแดง และคนในพรรคร่วมที่มีแนวคิด ว่า หากปล่อยให้นายกฯ สามารถควบคุมอำนาจได้ จะทำให้ผลประโยชนที่ตนจะได้รับน้อยลงหรือไม่ได้รับเลย อย่างไรก็ตามมาถึงขณะนี้ ตนเชื่อว่านายกฯ อ่านเกมออกแล้ว แต่หากยังอ่านไม่ออก ก็สมควรจะกลับไปนอนที่บ้านมากกว่าจะมาเป็นนายกฯ ดังนั้นนายกฯ ต้องจัดการเปลี่ยนแปลงคนในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะตอนนี้มีอำนาจอยู่ในมือสามารถทำได้ หากไม่ทำก็ไม่ต่างอะไรจาก ส.ส.คนหนึ่ง และจะถูกประชาชนดูถูกว่าไม่มีน้ำยาในการจัดการบ้านเมือง
“นายกฯควรปรับ ครม. โดยจะปรับใครออกนั้น นายกฯควรจะรู้ได้หากดูจากกระแสสังคม มีคำพูดของมหาตมะ คานธี ว่า “ต้องกล้าหาญในการจัดการกับสิ่งที่ไม่ดี เพื่อทำให้สังคมดีขึ้น ด้วยแนวทางสันติวิธี และยึดมั่นความจริง” หลักการนี้ นายกฯต้องนำไปศึกษา แล้วใช้ความกล้า ใช้โอกาสที่ตนเองมีอำนาจ สร้างประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมืองมากกว่านี้” ดร.พิชาย กล่าว
ขณะที่ นายสนธิญาณ กล่าวว่าสาเหตุทำให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง สืบเนื่องจากการที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประกาศว่าจะบุกทำเนียบฯ เพราะเคยมีบทเรียนที่ได้รับจากการเข้ายึดทำเนียบฯ อย่างไรก็ตามจะระดมคนให้มาร่วมชุมนุมมากๆได้นั้น ต้องสร้างแรงจูงใจที่โน้มน้าวอารมณ์อย่างสูง ทั้งนี้หากย้อนกลับไปดูวันถวายฎีกา มีคนเข้าร่วมมากพอสมควร เพราะมีการปลุกระดม ด้วยการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เรียกร้องให้คนทุกจังหวัดเข้ามาชุมนุมที่สนามหลวง อย่างไรก็ตามตนคิดว่า วันที่ 30 นี้ จะมีคนมาเข้าร่วมไม่มาก เพราะไม่มีเงื่อนไข จุดประกายให้เกิดอารมณ์อยากเข้าร่วม
นายสนธิญาณ จำแนกกลุ่มคนเสื้อแดงออกเป็นสามกลุ่ม 1.พวกแสวงหาผลประโยชน์ จากพ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มนี้จะอาศัยบันไดทางการเมือง รอรับเศษเงินแจกจ่ายลงมา 2.พวกรักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 3.พวกซ้ายตกขอบ ที่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ไม่ต้องการให้มีสถาบันกษัตริย์
ทั้งนี้ระดับความคิดทางการเมืองเป็นส่วนสำคัญมากในการเคลื่อนไหว การที่กลุ่มสามเกลอ ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดระดมมวลชน เพราะสามารถดึงมวลชนดึงมวลชนได้มาก จากการออกสื่อฟรีทีวี 11 ในรายการความจริง ได้มีแนวทางการต่อสู้ โดยไม่นำวิธีการต่อสู้แบบคอมมิวนิสต์มาใช้ ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาจำกัดตั้งแต่ พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ลงมา ขณะที่กลุ่มซ้ายจัด เป็นพวกที่ไม่มีความสามารถที่จะรวมกำลังคนคราวละมากๆได้ แต่พวกนี้จะเป็นพวกที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีสูง มีอุดมการณ์ในการต่อสู้ ว่า สิ่งที่ทำไม่ใช่การปฏิรูป แต่คือการปฏิวัติ เช่นคำพูดนายจักรภพ เพ็ญแข “นี่ไม่ใช่การมากินงานเลี้ยง แต่เป็นการต่อสู้แบบถึงเลือดถึงเนื้อ” “อำมาตย์ไม่รู้หมายถึงใครและระดับใด” และใจ อึ๊งภากรณ์ บอกว่า ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการให้ประเทศปกครองระบอบสาธารณรัฐ ซึ่งในช่วงหลังคนสองกลุ่มนี้เกิดความระแวง ออกมาต่อต้านกันอย่างเห็นได้ชัด และการที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีแนวคิดแตกแยก ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคิดหนักกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะเลือกฝ่ายไหน ส่อเค้าถึงขาลงและจะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด
นายสนธิญาณ กล่าวอีกว่าปัญหาของนายกฯ ส่วนมากมาจากคนในพรรคร่วม ดูง่ายๆจากเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร. แล้วถูกคนในพรรคร่วมคัดค้าน ประเด็นนี้หากย้อนคำพูดของนายเนวิน ชิดชอบ หลังส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รอดักถามนายเชาวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย ว่าร่วมรัฐบาลแล้วทำไมไม่มีมารยาท ขณะนั้นนายเนวิน สวนกลับว่าเรื่องนี้ให้ไปถาม “สุเทพ” กับ “นิพนธ์” แสดงว่าการคว่ำโหวต ผบ.ตร. ตัวการสำคัญน่าจะอยู่ที่สองคนนี้
ทั้งนี้หากย้อนดูถึงการจัดตั้งรัฐบาล ก็มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นตัวตั้งตัวตีไปจับมือพรรคต่างๆ จนได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นในเชิงลึกคนที่กุมกำลังอยู่จริงๆคือนายสุเทพ ด้วยเหตุนี้ สถานะความเป็นผู้นำของนายกฯ จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ จัดการคนในพรรคตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน
นายสนธิญาณ กล่าวทิ้งท้ายว่า นายกฯควรปรับ ครม. ตามอำนาจทางกฎหมายมีอยู่ในมือ เพราะอำนาจภายนอกขณะนี้ถูกล็อกอยู่ ตอนนี้นายกฯ อยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ ไม่ใช่หมายความว่าจะไปหักหารคนเคยช่วย เคยทำงานด้วยกัน แต่ถ้าทำแล้วบ้านเมืองดีขึ้นก็สมควรทำ ส่วนผลพลอยได้คือฐานทางการเมืองระยะยาว ไม่อย่านั้นอาจจบบทบาททางการเมืองเร็วกว่าที่คิด