“อภิสิทธิ์” ตีกลับปรับเกณฑ์ประกันราคาข้าว หวั่นรัฐจ่ายชดเชย 4 หมื่นล้าน แต่อนุมัติ 109 ล้าน เดินหน้าประกันข้าวเปลือก พร้อมขายข้าวให้กรมราชฑัณฑ์-พล.ม.2 ในราคาพิเศษ ด้าน “พรทิวา” ออกตัว “ยรรยง” หายหัว อ้างติดประชุมสำคัญ
วันนี้ (27 ส.ค.) นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบหลักเกณฑ์วิธีการประกันราคาข้าวเปลือกนาปี ปี 52/53 ประกอบด้วย ข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือก กข.15 ณ ความชื้น 15% ราคาประกันอยู่ที่ตันละ 15,300 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัดตันละ 14,300 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ตันละ 10,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 9,500 บาท ทั้งนี้ เกษตรกรหรือชาวนาสามารถมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการการประกันราคาข้าวเปลือกได้มากกว่า 1 ชนิด
“สำหรับหลักเกณฑ์การกำหนดปริมาณข้าวเปลือก ที่ใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการ ที่ประชุมยังไม่สรุป จะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมอีกในครั้งหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะเข้าประชุมให้เร็วที่สุด เนื่องจากการประกันราคาสินค้าเกษตร ที่มีการลงทะเบียนเกษตรกรไปแล้ว “มีความคืบหน้าพอสมควร โดยเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกข้าว มีแล้วกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน”
นางพรทิวา กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ยังไม่สามารถเห็นชอบข้อเสนอในเรื่องของปริมาณได้ เนื่องจากบางพื้นที่มีศักยภาพการผลิตไม่เหมือนกัน เพราะนายกรัฐมนตรี เห็นว่า หากมีการกำหนดหลักเกณฑ์จะกลายเป็นว่า ไปกำหนดเป็นการตายตัว จึงขอให้อนุกรรมการ กขช.ที่มีตนเป็นประธานจะนำกลับไปพิจารณาอีกครั้ง โดยเฉพาะการจำกัดปริมาณที่ยังมีข้อติดใจว่า หากกำหนดไว้สูงสุด 20 ตัน หากเป็นข้าวเปลือกตันละ 1 หมื่นบาท ก็คิดเพียง 2 แสนบาท แต่การรับจำนำเกษตรกรเคยได้รับ 3.5 แสนบาท ตรงนี้อาจจะเป็นหลักเกณฑ์ที่ตายตัวจนเกินไป รวมทั้งสถานการณ์ยังคาบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่จะต้องทำการลงทะเบียนให้เร็วที่สุด
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องราคาข้าวสารที่ตกต่ำ เนื่องจากมีข้าวสารจากต่างประเทศทะลักเข้ามา โดยมีคำสั่งให้พาณิชย์แต่ละจังหวัดไปดู ซึ่งก็พยายามดูอย่างเต็มที่
รายงานข่าวแจ้งว่า ประเด็นการกำหนดปริมาณข้าวเปลือกที่ใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการนั้น ที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอเปลี่ยนจากกำหนดจำนวนตัน เป็นวงเงินรวมที่เข้าร่วมโครงการแทน ซึ่งมีผู้เสนอให้จำกัดที่วงเงิน 3.5 แสนบาทต่อรายแทน ที่หากมีการกำหนดวงเงินแทนก็อาจทำให้รัฐบาล ต้องใช้เงินชดเชยส่วนต่างราคาข้าวเพิ่มขึ้นจากเดิม 2.5 หมื่นล้านบาท เป็น 4 หมื่นล้านบาท ที่ประชุมยังไม่เห็นชอบ
แหล่งข่าวจากที่ประชุม กขช.แจ้งว่า ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการ กขช.และคณะกรรมการดำเนินการที่ ครม.ตั้งขึ้นสามารถดำเนินการได้ทันที และเสนอ ครม.ขอความเห็นชอบ ในเรื่องของปลักเกณฑ์ปริมาณ ซึ่งที่ประชุมในวันนี้ยังไม่อนุมัติ
ทั้งนี้ เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินโครงการรับประกันราคาข้าวเปลือก โดยอนุมัติค่าใช้จ่ายจำนวน 105.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณจากกรอบงบไทยเข้มแข็ง
ทั้งนี้ อนุมัติให้ขายข้าวสารให้กับกระทรวงยุติธรรม ปีละ 49,000 ตัน โดยกระทรงยุติธรรมจะนำไปเป็นข้าวเลี้ยงนักโทษในกรมราชทัณฑ์ และกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก โดยทำสัญญาในลักษณะปีต่อปี โดยกระทรวงยุติธรรม แจ้งว่า เพราะต้องเสียค่าใช้จ่าย ปีละ 5 พันล้านบาทในการซื้อจากเอกชน
ทั้งนี้ ยังอนุมัติขายข้าวสาร 4% ให้กับกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2) จำนวน 614 ตัน โดยจะทยอยจ่ายเป็นรายเดือนๆ ละ 51 ตัน ราคาตันละ 11,500 บาทโดยจ่ายเป็นเงินสดเครดิต 40 วัน
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุม กขช.ในวันนี้ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขานุการ กขช.ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมด้วย โดย นางพรทิวา ระบุว่า นายยรรยง ทำหน้าที่ประชุมเรื่องด่วนที่กระทรวงพาณิชย์แทนตน
ทั้งนี้ นายยรรยง ยังไม่ได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากยังไม่มีการบรรจุเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ท่ามกลางกระแสข่าว การต่อรองกับตำแหน่ง ผบ.ตร.ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย