โฆษกหัวหน้าพรรค ปชป.ยืนยันเอกสารทางการทูต รัฐบาลยูเออี สั่งห้าม “นช.แม้ว” ใช้ดูไบเป็นฐานที่มั่นโจมตีการเมืองไทย เชื่อ การเดินทางออกจากดูไบไปไลบีเรีย เพื่อใช้เป็นเวทีสั่งการเสื้อแดงชุมนุม 30 ส.ค.นี้ ประเมินจิตใจแปรปรวนอย่างหนัก จี้สำนึกคนไทยใช้วิจารณญาณระวังตกเป็นเหยื่อ
วันนี้ (27 ส.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกนอกประเทศ พร้อมทั้งมีการให้สัมภาษณ์ จากที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ และปฏิเสธเรื่องดังกล่าว ว่า ตนขอยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่แหล่งข่าวจากกระทรวงต่างประเทศ ได้ส่งมาให้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้มาหลายครั้ง ไม่ว่าบุคคลรอบข้างจะออกมาปฏิเสธอย่างไร ก็สุดแท้แต่จะตีความ และจากพฤติกรรมดังกล่าว ทางยูเออีไม่พอใจกับพฤติกรรมดังกล่าว และ พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะรู้ตัวเอง จึงเดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ และอยากเรียนว่า โดยมารยาทของยูเออีคงจะไม่ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ที่ยืนยันชัดเจนคือพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางออกจากยูเออี ไปยังประเทศมอนเตเนโกร และล่าสุด ที่ได้มีการตรวจสอบ คือ ประเทศไลบีเรีย จากสมมติฐานที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกจากยูเออี เพราะว่า 1.เมื่อมีการชุมนุมของเสื้อแดงในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเดินทางออกไปในช่วงนี้พอดี 2.พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินไปยังวิทยุชุมชนคนรักอุดร โดยมีการพูดห้ามคนเสื้อแดงไม่ให้มาร่วมชุนมนุมในวันดังกล่าว 3.ประกาศว่า การชุมนุมในวันที่ 30 ส.ค.จะไม่มีการโฟนอิน และ 4.พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกจากยูเออีไปยังประเทศเล็กๆ ซี่งไม่มีความเป็นนิติรัฐ และมีการปกครองด้วยระบอบเผด็จการ
“หลักฐานที่ควรเชื่อถือได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกดดันจากยูเออีจริง เพราะมีเอกสารสำคัญจากรัฐบาลยูเออีมา ซึ่งเป็นเอกสารลับทางการทูต ไม่สามารถนำมาเปิดเผยต่อประชาชนได้ เกรงจะเป็นการเสียมารยาท แต่จะนำบางตอนของเอกสารมาเปิดเผย ทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตได้เรียกตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าพบเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2552 และขอให้อดีตนายกฯ อยู่ในความสงบ ห้ามดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลไทย ในดินแดนสหรัฐอาหรับเอมิเรต ซี่ง อาจจะทำให้รัฐบาลอาหรับเอมิเรตส์ขายหน้าได้” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ไปติดต่อขอพบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลยูเออี พร้อมทั้งตอบรับว่า จะไม่ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ในดินแดนยูเออี และสัญญาว่าจะเก็บตัวเงียบ รวมทั้งจะไม่แทรกแซงกิจกรรมราชอาณาจักรไทย ตามคำขอของรัฐบาลยูเออี ซึ่งเป็นการทำทัณฑ์บนของรัฐบาลยูเออี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่หลังจากนั้น ก็ยังมีการโฟนอินปลุกระดม แต่ไม่สามารถพิสูจน์ ได้ว่าเป็นการโฟนอินจากดูไบ หรือบนเครื่องบิน หรือประเทศใด อย่างไรก็ตาม ในการชุมนุมวันที่ 30 ส.ค.นี้ ที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมการชุมนุม ไม่ให้เกิดการลุกลามเหมือนกับวันที่ 13 เม.ย.และกระแสข่าวดังกล่าวอาจไปถึงรัฐบาลยูเออี เหมือนเป็นการกดดัน พ.ต.ท.ทักษิณ จากรัฐบาลยูเออี ซี่งทาง พ.ต.ท.ทักษิณ คงทราบดีว่า ถ้าหากยังอยู่ในประเทศยูเออี ก็จะสร้างความลำบากใจให้กับรัฐบาลยูเออี และอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยได้
นายเทพไท กล่าวว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จิตใจแปรปรวน เพราะเห็นจากพฤติกรรมที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อวันที่ (26 ส.ค.) ที่มีการอวยพรวันเกิดให้กับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ผ่านทางทวิตเตอร์ ช่วยบ่ายเปิดทวิตเตอร์อวดร่ำอวดรวย และในช่วงเย็นก็มีการโฟนอินเข้ารายการของวิทยุชุมชนคนรักอุดร ร่วมพิธีสาปแช่งพล.อ.เปรม อีกทั้งในช่วงค่ำ ก็มีการคร่ำครวญว่าอยากกลับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันว่าข้อมูลต่างๆ สามารถเชื่อถือได้ และเรียนกับนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีการจับแพะชนแกะ แต่มีหลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถใช้ดูไบทำลายรัฐบาลไทยได้
“วันนี้คนเสื้อแดงจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปชนกับสถาบันและประเทศชาติ และจับระบอบทักษิณ ไปชนกับระบอบประชาธิปไตย ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับคนไทยทุกคน และไม่อยากให้ประชาชนและประเทศชาติตกเป็นเครื่องมือของคนเหล่านี้”