“กลาโหม” จี้ ตร.ชี้เป้าคนร้ายยิง “สนธิ” พร้อมเปิดทางให้ค้นค่ายทหาร หากแสดงหมายศาลยัน โบ้ยเป็นสถานที่ราชการ ค้นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ต้องทำตามกฎหมาย เผยยินดีร่วมมือ ถ้า ตร.ประสานขอข้อมูล ยัน “กองทัพ” ไม่หมกเม็ดคนผิด ให้จับคนร้ายทันทีที่เจอ
วันนี้ (20 ส.ค.) พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงกรณีที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อเจตนาของกองทัพที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นทหารตามหมายจับในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งอาจหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตทหารว่า ทางผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ทั้งในกระทรวงกลาโหม รวมทั้งเหล่าทัพต่างๆ ได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว โดยมีการกำชับผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้น ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของผู้ต้องหาและพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกกรณี
พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ทั้งนี้ ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติและประสานงานกรณีทหารถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญา พ.ศ.2544 ซึ่งระเบียบดังกล่าวเป็นการปรับปรุงในข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับทางกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2499 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและกฎหมาย อีกทั้งมีการกำหนดระเบียบวิธีปฏิบัติอย่างชัดเจน สะดวกต่อผู้ปฏิบัติ ทำให้เกิดความรวดเร็ว ไม่ส่งผลเสียหายต่อรูปคดี โดยคำนึงถึงหลักสามัคคี ปรองดองในการให้ร่วมมืออันจะช่วยให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสังคม ทั้งนี้ เพื่อจะได้รับการปฏิบัติที่มีศักดิ์ศรีและเป็นธรรมตามควรแก่กรณี
โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการตรวจค้นในเขตกองทัพนั้น เป็นไปตามหมวด 4 ข้อ 18 ว่าด้วยการตรวจค้นสถานที่และที่รโหฐาน โดยเจ้าหน้าที่ต้องร้องขอต่อศาลเพื่อขอหมายศาลในการเข้าตรวจค้นผู้ต้องหาในสถานที่ราชการ ซึ่งเมื่อได้รับหมายศาลแล้ว ให้มีการประสานงานกับผู้บังคับบัญชาตามหน่วยทหารนั้นๆ เพื่อขอเข้าไปตรวจค้นหาหลักฐาน ข้อมูล รวมถึงสอบสวนต่างๆ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการดำเนินการในทางปฏิบัติ กฎหมายก็มีความยืดหยุ่นพอสมควร แม้ในบางกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานมาเพื่อขอเข้าตรวจค้นบ้านพักในค่ายทหาร ซึ่งก็มีการอนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารร่วมทีมไปดูด้วย ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสใด ก็สามารถแจ้งมาเพื่อประสานงานกันในการดำเนินตามขั้นตอนที่ข้อตกลงกันระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทย
“กองทัพขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายที่จะปกปิดหรือซ่อนเร้นผู้กระทำความผิด และขอชี้แจงว่า ผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้นมีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดตามหาตัวผู้ต้องหาหรือให้การสนับสนุนข้อมูลหลักฐานต่างๆ ในพื้นที่หน่วยงานที่จะทำให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทัพได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างดีมาโดยตลอด” พ.อ.ธนาธิป กล่าว