นายกฯ เผย 3 คำถามยอดฮิตตอบลงเว็บไซต์ PM แจงประชาชน แก้ปัญหาน้ำมันแพง ยืนยันทำตามที่เคยหาเสียง สังคายนาระบบการสอบสวน และคำถามเหตุใดกระทรวงวิทย์ยุคใหม่ถึงต้องตัดทุนการศึกษานักเรียน
วันนี้ (19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบ 3 คำถามจากประชาชนที่โพสต์เข้ามาและมีคะแนนสูงสุดในเว็บไซต์ “นายกรัฐมนตรีไทย (www.pm.go.th)” เป็นแบบคลิปวิดีโอความยาว 4.21 นาที ซึ่งคำถามแรกถามถึงปัญหาราคาน้ำมันที่แพงเหมือนขูดรีดเกินไป ไม่เหมือนช่วงที่หาเสียงไว้ว่า จริงๆ เรื่องของการตัดสินใจที่จะจัดเก็บหรือช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ดูภาวะในเรื่องของราคาในตลาดโลกเป็นหลักก่อน ฉะนั้นช่วงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ที่ราคาลดลงไป 30-40 เหรียญ/บาร์เรล เป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำ แต่พอราคาขึ้นมาในระดับ 60-70 เหรียญต่อบาร์เรล ก็จะใกล้เคียงกับที่เคยพูดไว้ในตอนหาเสียง
“ฉะนั้น หลักของเราคือ ในช่วงที่ราคาต่ำก็จำเป็นที่จะต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อเอาเงินกองทุนนั้นสามารถเอามาใช้ต่อสู้กับราคาน้ำมันเวลาที่ราคาน้ำมันแพงได้ ฉะนั้น เมื่อถึงจุดที่ 70 เหรียญต่อบาร์เรล ก็จะเห็นว่ารัฐบาลเริ่มต้นจากการลดราคาน้ำมันดีเซลจำนวน 2 บาท เพราะราคาดีเซลที่ลดเพราะว่าเป็นต้นทุนของการผลิตและเกี่ยวกับผู้ใช้ที่เป็นคนยากคนจน แล้วถ้าหากราคามีการขยับสูงขึ้นไปอีก รัฐบาลก็จะนำเงินกองทุนน้ำมันและภาษีสรรพสามิตมาแก้ไขต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ถ้าเราใช้ตั้งแต่ช่วงต้น พอราคาขยับขึ้น ซึ่งขณะนี้มีการคาดการณ์ว่าจะถึง 80-100 เหรียญต่อบาร์เรล เราก็จะไม่มีเครื่องมือในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แล้วเราก็ได้ตรึงราคาของก๊าซหุงต้ม NGV ตามที่เคยหาเสียงมาโดยตลอด และยังมีการตรึงค่า FTที่มีผลต่อค่าไฟฟ้าไปจนถึงเดือนสิงหาคมปีหน้า
ส่วนคำถามที่สอง ถามและเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่พนักงานสอบสวนทั่วประเทศว่ามีเงินเดือน 7 พันบาท ทั้งที่ พ.ร.บ.ตำรวจฯ กำหนดไว้ให้ได้รับค่าตอบแทนเทียบ เคียงอัยการ ผู้พิพากษา และกำลังจะมีการปรับโครงสร้างใหม่จะไม่มีการเลื่อนไหลตำแหน่ง นอกจากนี้ต้องซื้อคอมพิวเตอร์ กล้องดิจิตอล พรินเตอร์ โต๊ะ-เก้าอี้ทำงาน กระดาษ อุปกรณ์สำนักงาน ค่าไฟ ค่าแอร์ในโรงพัก ค่าน้ำมันต้องจ่ายเอง และนอกจากนี้ยังขอให้นายกฯ และประชาชนผลักดันให้พนักงานสอบสวนออกจาก สตช. แยกงานสอบสวนออกเพื่อหลักมาตรฐานของ กฎหมายให้ทัดเทียมอารยประเทศที่เจริญแล้ว เพราะประเทศที่จับเองและสอบสวนเองในโลกนี้มีเพียงประเทศไทยและแอฟริกาใต้เท่านั้น
เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะรับไป แล้วก็จะให้ทางคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) ได้รับทราบ เพราะว่าขณะนี้ยังมีการดำเนินการปรับโครงสร้างตำรวจอยู่ส่วนหนึ่งอย่างที่เป็นข่าวอยู่ และกำลังจะมีการประกาศโครงสร้างใหม่นี้ใช้ในเดือนกันยายน แล้วก็จะมีการจัดวางคนลงเข้าสู่โครงสร้างใหม่ พร้อมๆ กับที่จะมีการโยกย้ายประจำปี และเมื่อเสร็จรอบนี้แล้วก็จะย้อนมาดูข้อเสนอต่างๆรวมไปถึงตามข้อกฎหมายด้วย ที่จะมาปรับปรุงโครงสร้าง
“ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าคนที่ทำงานจริงๆ ระดับทำงานจริงๆ ต้องการได้รับขวัญกำลังใจแล้วพร้อมๆกันไปก็ต้องการให้กระบวนการของเรา คือต้นธารของกระบวนการยุติธรรมมีความโปร่งใสและประชาชนมีส่วนร่วมได้” นายกฯ กล่าว
สำหรับคำถามที่ 3 ถามถึงกรณีที่งบประมาณปี 2553 กระทรวงวิทยาศาสตร์นี้ไม่มีการมอบทุนแก่นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับ ม.ปลายเพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี โท และเอก ในต่างประเทศ โดยมีการอ้างว่ากระทรวงไม่ได้รับงบประมาณที่เพียงพอ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนต้องเรียนตรงๆ ว่าตนเพิ่งทราบว่ามีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น และไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าจริงๆนโยบายในเรื่องของทุนการศึกษาของรัฐบาลก็ค่อนข้างชัดเจนว่าจะไม่มีการตัดหรือการปรับลด จึงขอเวลาให้ตนไปตรวจสอบกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ แล้วก็จะไปดูว่าถ้าเป็นกรณีที่เกิดขึ้นเช่นนี้จริงก็จะมีการแก้ไข และจะแจ้งให้ทุกท่านที่ได้มีความห่วงใยในเรื่องนี้ทราบอีกครั้งในทางอีเมล