xs
xsm
sm
md
lg

สองแม่ลูกบุรีรัมย์วอนขอความเป็นธรรม ดื่มน้ำแร่ผมร่วงหมดหัว-เดินสายร้องมา 3 ปี ไร้ผู้รับผิดชอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ด.ญ.ทิพย์รัตน์  สุรารัมย์ อายุ 13 ปี นักเรียน ม.2 โรงเรียนลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ผมร่วงทั้งศีรษะเชื่อเกิดจากการดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำแร่ เรียกร้องขอความเป็นธรรม
บุรีรัมย์ - สองแม่ลูกชาวบุรีรัมย์ วอนขอความเป็นธรรมหลังลูกสาววัย 13 ปี ดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำแร่แล้วเกิดผมร่วงหมดหัว เดินสายร้องทั้ง สคบ.-ทำเนียบ-กระทรวง สธ.-กระทรวงวิทย์ และหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบมานานกว่า 3 ปี เรื่องเงียบหาย โยนกันไปมา วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด่วน จี้รัฐให้ความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ ไม่อยู่ใต้อำนาจเจ้าของผลิตภัณฑ์บริษัทยักษ์ใหญ่ จนไม่นึกถึงสุขภาพ ปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ว่า นางสุภาพร โกศล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.5 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนจังหวัดบุรีรัมย์ หลัง ด.ญ.ทิพย์รัตน์ สุรารัมย์ อายุ 13 ปี บุตรสาว เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนลำปลายมาศ ที่เชื่อว่าเกิดจากการดื่มน้ำจากเครื่องกรองน้ำแร่ยี่ห้อ “วอเตอร์ มิเนอรัล พอท” รุ่น 1,000 ไบโอ ของบริษัท ซี.บี.พี.เวิร์ล จำกัด ที่ได้ซื้อมาเมื่อช่วงปี 2548 จนทำให้ผมร่วงหมดศีรษะ ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายหน่วยงานนานกว่า 3 ปีแต่ยังไร้ผล

นางสุภาพรเล่าว่า ได้ซื้อเครื่องกรองน้ำแร่ยี่ห้อดังกล่าวมาจากพยาบาลคนหนึ่งในโรงพยาบาลลำปลายมาศ โดยพยาบาลคนดังกล่าวนำมาขายให้ถึงที่บ้าน ลักษณะเหมือนการขายตรง โดยยังอ้างสรรพคุณและคุณประโยชน์ต่างๆ นานาที่จะได้รับจากเครื่องกรองน้ำแร่ ทั้งขับสารพิษในร่างกาย ตนมองแล้วดูมีความน่าเชื่อถือจึงได้ซื้อมาใช้ที่บ้าน เมื่อประมาณปี 2548 ในราคา 18,000 บาท และต่อมาได้ใช้ดื่มกินมาโดยตลอด และบุตรสาวซึ่งเป็นคนที่ชอบดื่มน้ำเป็นจำนวนมากต่อวัน ชอบดื่มและได้นำไปดื่มที่โรงเรียนด้วย

กระทั่งต่อมาเมื่อลูกสาวกำลังเล่นอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน จู่ๆ รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงและกลับมาที่บ้าน และระหว่างอาบน้ำผมได้หลุดร่วงเป็นจำนวนมาก และหลุดร่วงมาโดยตลอดจนหมดทั้งศีรษะ ขนคิ้ว ขนตาก็เริ่มร่วงด้วยเช่นเดียวกัน ช่วงแรกคิดว่าอาจเป็นเพราะแพ้แชมพู จึงพาไปหาหมอ และหมอทางศูนย์วิทยาศาสตร์บอกว่าเกิดจากการใช้เครื่องกรองน้ำแร่ เพราะตรวจพบสารกำมะถันและแร่เงินปะปนอยู่เป็นจำนวนมากเกินมาตรฐาน จึงร้องเรียนขอความจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า

นางสุภาพรยังกล่าวอีกว่า หลังทราบผลจากการร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน ทั้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทำเนียบรัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ก็ยังไม่มีความคืบหน้า และไม่ได้รับการเหลียวแล กลับโยนกันไปมาระหว่างหน่วยงาน ทั้งที่ผลการพิสูจน์ออกมาว่า เครื่องกรองน้ำยี่ห้อดังกล่าว ส่งผลให้บุตรสาวได้รับผลกระทบทางร่างกาย

สุดท้ายเข้าร้องต่อสภาทนายความ แต่ไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ เพราะไม่มีหน่วยงานใดยืนยันมาเป็นเอกสาร ซึ่งการที่ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ความช่วยเหลือหรือตรวจสอบเอาผิดกับบริษัทขายเครื่องกรองน้ำแร่ดังกล่าว

รวมทั้งต้องการให้บริษัทรับผิดชอบ เพราะบุตรสาวได้รับผลกระทบ ทั้งถูกเพื่อนที่โรงเรียน และเพื่อนบ้านล้อเลียนว่าเป็นโรคร้าย และอยากให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาเทคโนโลยี และให้ความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์มากกว่านี้ ไม่อยู่ใต้อำนาจเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ จนไม่นึกถึงสุขภาพของประชาชน

ล่าสุดได้มี ผอ.สคบ.ส่วนกลางได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า ทางบริษัทขู่จะฟ้องกลับ โดยระบุว่าตนได้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเข้าไปหลายหน่วยงานจนทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง และได้รับความเสียหาย

ทางด้าน ด.ญ.ทิพย์รัตน์ สุรารัมย์ อายุ 13 ปี บุตรสาว นางสุภาพร ที่ผมร่วงหมดทั้งศีรษะ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังผมร่วงเพื่อนๆ บางคนก็ล้อเลียนว่าป่วยเป็นโรคร้ายต่างๆ นานา ทำให้บางครั้งไม่อยากไปโรงเรียนและพบเพื่อน แต่ปัจจุบันเพื่อนนักเรียนหลายคนเริ่มเข้าใจและเห็นใจ

“ทุกวันที่ไปโรงเรียนและออกนอกบ้านต้องสวมหมวกคลุมศีรษะตลอดเวลา หลายครั้งรู้สึกท้อแท้กับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทเจ้าของเครื่องกรองน้ำแร่ได้ให้ความเป็นธรรมกับหนูด้วย” ด.ญ.ทิพรัตน์ กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น