ตีสองหน้า-บีบล้างความผิด !!

เกาะกระแส โดย ก้อนกรวด

00 หากพิจารณาตามจำนวนคนเสื้อแดงที่ระดมกันมาแบบมาเช้าเย็นกลับ สำหรับร่วมในพิธีกรรม “ถวายฎีกา” เพื่อกดดันสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ท้องสนามหลวง หน้าพระบรมมหาราชวัง เมื่อวานนี้ (17 สิงหาคม) ก็ต้องยอมรับว่าเป็นไป “ตามเป้า” แต่ขณะเดียวกันหากมองอีกมุมหนึ่งนี่คือ “เกม” อำมหิตที่เปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างเต็มตัว

00 ทนฟัง“โฟนอิน”ของ“ทักษิณ ชินวัตร” อยู่ตั้งนาน คราวนี้มาในมุกใหม่แทบทุกคำพูดเน้น“จงรักภักดี” เป็นพิเศษ พร้อมกับเคลียร์เรื่องลิ่วล้อ“คอมมิวนิสต์”ให้เสร็จสรรพ ในตอนท้ายถึงกับลงทุนเป็นต้นเสียงร้องนำในเพลง“สดุดีมหาราชา”และถวายสัตย์สาบานจนถ้าพิจารณาโดยผิวเผินไม่พิจารณาแบ็กกราวด์ก็อาจเคลิบเคลิ้มพลุ่งพล่านได้ไม่ยาก

00 แต่ถ้าตั้งสติ หยุดคิดอารมณ์ก็ขาดผึง ต้องอุทานว่า “ไอ้นี่มันเหลี่ยมจัด” ขั้นเทพจริงๆ คงรู้ว่าถ้ายังแข็งขืน หักด่านกันซึ่งหน้าคงไม่สำเร็จ เพราะกระแสเริ่ม“ตีกลับ” ก็เลยต้องพลิกเกมหันกลับมาใช้วิธีแบบ“อำพราง” ตบตา แบบตีสองหน้า แต่บางครั้งมันก็ดู“ไม่เนียน” เพราะคนรอบกายเสื้อแดงหลายคน ไม่ต้องเอ่ยชื่อให้เป็นเสนียดปาก ล้วนมีพฤติกรรมจ้วงจาบหยาบช้า มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด ถ้าจำใครไม่ได้ก็ลองนึกถึง วีระ มุสิกพงศ์ ที่เคยถูกจำคุกในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการยื่นถวายฎีกาในครั้งนี้นั่นแหละ

00 แต่ที่“อำมหิต” ไปกว่านั้นก็คือ กระบวนการที่สร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นก็คือ คำพูดของ ทักษิณ ที่เน้นย้ำว่า ตัวเองจงรักภักดี ไม่ได้รับความยุติธรรม แถมมีจำนวนประชาชนยืนอยู่ข้างหลังนับล้านคน ก็เหมือนกับจงใจกดดันให้มีพระบรมราชวินิจฉัยออกมา ทั้งที่ในทางกฎหมายแล้วเป็นไปไม่ได้

00 การที่บอกว่าหลังจากยื่นถวายฎีกาแล้วจะหยุดการเคลื่อนไหว เพื่อรอฟังพระบรมราชวินิจฉัย นั่นแหละคือการกดดันที่ชัดเจนที่สุด และยังเป็นเสมือนการยกระดับขึ้นมาเผชิญหน้ากับสถาบันเบื้องสูงโดยตรงนั้นแหละ

00 ได้ดูเทปบันทึกรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อสุดสัปดาห์ผ่านมา ขณะไปอำนวยการแก้ปัญหาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็ต้องยอมรับว่า เออนี่แหละเพิ่งจะเห็นนายกฯ รู้จักใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ อย่างน้อยเป็นการสร้างภาพให้เห็นหวือหวาบ้าง ให้ชาวบ้านได้รู้สึกว่า มีความตื่นตัวกับปัญหา อีกทั้งได้สำแดง“เพาเวอร์” ให้บรรดาข้าราชการได้เห็นบ้าง ก็อยากให้แสดงบทแบบนี้มากขึ้น จะได้ไม่ต้องตั้งรับพวก “แม้วแดง” อย่างเดียว

00 นี่ก็ถือว่าเป็นไปตามคาดจะต้องมีเหตุให้ต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายางพาราที่มี 44 จำเลยรอชี้ชะตา และหนึ่งในนั้นคือ เนวิน ชิดชอบ เสียด้วย และในที่สุดก็เป็น อดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.พาณิชย์ ขอลาป่วยไปรักษาอาการที่ต่างประเทศ แต่ศาลไม่เชื่อ จึงออกหมายจับแล้วเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 21 ก.ย.