นายกฯ ตำหนิ “สุมิท” ผอ.สำนัก ศก.พอเพียง โยนความผิดชาวบ้าน ไม่เหมาะ ชี้หากส่งเสริมประชาชนต้องทำได้ ถ้าทำไม่ได้ จนท.ต้องรับผิดชอบเอง เผยข้อมูลทุจริตถึงมือสัปดาห์นี้ มีคนผิดแน่นอน แย้มหลังรับข้อมูล จะดูความเหมาะสมปลดพ้นเก้าอี้
วันนี้ (16 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านประกาศเดินหน้าตรวจสอบโครงการทุจริตของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการชุมชนพอเพียงว่า เรื่องการตรวจสอบเป็นหน้าที่ของทุกคนอยู่แล้ว รัฐบาลเองก็ตรวจสอบเรื่องนี้จริงจัง ทั้งในส่วนของรัฐบาลและในส่วนของพรรค ถ้าจะมาตรวจสอบไม่มีปัญหา ส่วนที่บอกจะขับไล่รัฐบาล อย่างที่บอกหากอยู่ภายใต้กฎหมาย มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการทุจริจในโครงการชุมชนพอเพียง ขณะนี้มีความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของพื้นที่ ในส่วนของพรรค นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง จะสรุปข้อมูลมาให้ตนได้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีคนผิดแน่นอน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในส่วนของสำนักงานกำลังจะดูว่าจะมีทางในการตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างไร ที่จะไม่ให้คนมีความกังวล ว่ามีอุปสรรคต่อการตรวจสอบหรือไม่ ตรงนี้จะคุยกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เป็นระดับไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คนที่เคลื่อนไหวในพื้นที่มีชัดเจน ต่อไปจะต้องดูความเชื่อมโยงของคนเหล่านี้กับสำนักงานเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า หมายถึง ส.ข.ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ครับ ส่วนความผิดจะขนาดไหนนั้นต้องรอให้คณะกรรมการสรุปมาให้ก่อน แต่จากการสอบถามทราบว่ามีคนผิดแน่นอน โดยจะส่งให้ตนในสัปดาห์นี้
เมื่อถามว่า ผู้บริหารสำนักงานมีความเกี่ยวพันกับเอกชน นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ถูกต้องขณะนี้กำลังให้ดูความเชื่อมโยง ระหว่างพื้นที่กับสำนักงานและสำนักงานพื้นที่กับบริษัทที่มาขายของ ไม่ปล่อยส่วนไหนออกไปหรอก เมื่อถามว่า มีการทำกันเป็นกระบวนการระหว่างพื้นที่กับระดับบนที่มีการฮั้วกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นั่นแหละคือ สำนักงาน พื้นที่และคนที่ขายของต้องดูให้หมด จะโยงถึงใครต้องว่ากันตรงไปตรงมา เมื่อถามว่า จะบริหารให้เกิดความเชื่อมั่นได้อย่างไร ดำเนินการโครงการนี้ต่อไป จะไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันมีข้อเสนอว่า ปัญหาเราต้องหาความพอดี ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะกรณีชุมชนพอเพียง เมื่อมีหลักเกณฑ์โครงการจะถูกขีดวงจำกัดลง ทำให้มีคนมาใช้ช่องตรงนี้ในการล็อคสเปกหรือจำกัดลักษณะของโครงการ ขณะเดียวกัน แรงกดดันที่บอกว่า ไม่ให้มีหลักเกณฑ์เลยกลับไปแบบเอสเอ็มแอล ต้องบอกตรงๆ ว่าเอสเอ็มแอลที่ทำกันมาและซื้ออะไรก็ได้ มีปัญหาการทุจริตหนักมากเหมือนกัน ซึ่งเราไม่ต้องการย้อนกลับไปตรงนั้น ฉะนั้น เราจะดูแยกแยะ แต่โครงการลักษณะไหนที่มีปัญหาก็ระงับเด็ดขาดไปเลยและกลับไปตรวจสอบ
เมื่อถามว่า วิธีการคิดของนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจพอเพียง มีปัญหาหรือไม่ ที่โยนความผิดให้กับชาวบ้าน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีสิทธิ์โยนความผิดให้ชาวบ้าน เป็นโครงการที่เราต้องช่วยสนับสนุนให้ชาวบ้านทำให้ได้ หากทำไม่ได้ก็เป็นความผิดของเราเอง ตนไม่ได้ยินด้วยตัวเอง แต่เห็นข่าวอยู่ก็ไม่สบายใจและคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะโทษประชาชน เป็นไปไม่ได้ ถ้าประชาชนได้รับความอำนวยสะดวก ส่งเสริมเขาต้องทำได้อยู่แล้ว เมื่อถามว่าคนมีวิธีคิดอย่างนี้ ยังเหมาะที่จะเป็นผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจชุมชนอยู่ต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เดี๋ยวจะไปเรื่องอื่นแล้ว เอาเรื่องการตรวจสอบก่อนแล้วจะดูความเหมาะสม