ลือหึ่ง “ปชป.” รอดยุบพรรค คณะกรรมการไต่สวน กกต.มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง เสนอยกคำร้องเงินบริจาค 258 ล้าน ชี้หลักฐานไม่พอ สาวต่อว่าเงินถึงมือ “ประดิษฐ์” หรือไม่ ด้าน “เจ๊สด” อุบไต๋อ้างยังไม่รู้มติ ให้อดใจรอลุ้น 18 ส.ค.นี้ ที่จะมีการชงเข้า กกต.ชุดใหญ่ ขณะที่ ประธาน กตต.ยันตรวจสอบตรงไปตรงมา ไม่หวั่นแม้ต้องต่อกรรัฐบาล
วันนี้ (14 ส.ค.) รายงานข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า ขณะนี้มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาจากทั้งที่สำนักงานกกต.และภายนอก ว่า คณะกรรมการไต่สวนกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์รับเงินจาก บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด จำนวน 258 ล้านบาท แล้วไม่แจ้งว่าเป็นเงินบริจาค รวมทั้งกรณีใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ที่ได้รับจาก กกต.จำนวน 29 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดวัตถุประสงค์ โดยทาง กกต. ได้มีการประชุมและลงมติแล้ว โดยเสียงส่วนใหญ่ 3 ต่อ 2 เห็นว่าควรยกคำร้อง เนื่องจากในประเด็นการใช้เงินกองทุนพัฒนาที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับจากกกต. จำนวน 29 ล้าน ทางพรรคได้มีการแจ้งรายละเอียดการปฏิบัติตามโครงการที่ได้ขอรับการสนับสนุนไว้อย่างครบถ้วน แม้ในบางรายการจะมีการขอเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อโครงการอื่นๆบ้าง แต่ก็ได้มีการแจ้งรายการไว้อย่างชัดเจน โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ดำรงตำแหน่งขณะนั้น คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต.ก็ได้มีการลงนามอนุญาตทุกครั้ง จึงถือว่าไม่มีพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าพรรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินกองทุนฯ ผิดวัตถุประสงค์แต่อย่างใด
สำหรับกรณีเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาท ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) โดยอ้างว่ามีการให้กับพรรคประชาธิปัตย์ผ่านทาง บริษัม แมซไซอะ จำกัด จากการให้ปากคำของผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ต่างยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินจำนวนดังกล่าว ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงการให้ปากคำของนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหารบริษัทฯ รวมทั้งการสอบสวนของดีเอสไอ ก็ระบุแต่เพียงว่าเงินจำนวนดังกล่าวเมื่อเข้ามาในบริษัทแล้วก็ถูกโอนให้กับคนใกล้ชิดผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่าเงินนั้นถูกโอนไปให้กับ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น หรือแม้แต่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคในขณะนั้นก็ตาม
รายงานข่าวจาก กกต.ยังกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการไต่สวนจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 17 ส.ค.นี้ เพื่อที่จะตรวจสอบรายงานผลสรุปและลงนามก่อนที่จะเสนอต่อประธาน กกต.ในวันที่ 18 ส.ค.นี้
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้มีการลงมติไปแล้วหรือยัง ซึ่งอาจมีการลงมติแล้ว แต่ตนไม่ทราบ เพราะ กกต.ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซงการทำงาน อีกทั้งตามกำหนดคณะกรรมการไต่สวนจะต้องทำให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอต่อ กกต.ในวันที่ 18 ส.ค.นี้ โดยทางคณะกรรมการได้ยืนยันแล้วว่าเสร็จทันตามที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่า จะตรวจสอบกรณีนี้อย่างไรว่าเป็นการรับเงินใต้โต๊ะหรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า หากมีการยืนยันว่ามีการส่งเงินจำนวนนี้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์จริงก็อาจต้องไปดูที่ตลาดหลักทรัพย์ และการเคลื่อนไหวของเงินว่ามาจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือไม่ ส่วนเรื่องนายประจวบ สังข์ขาว ที่พยานปากสำคัญปากหนึ่ง ก็ต้องพิจารณาร่วมกับพยานปากอื่นๆ ด้วย เนื่องจากไม่ทราบว่าข้อมูลจากนายประจวบเป็นกลางแค่ไหน นอกจากนี้ ยังต้องไปดูเอกสารอื่นประกอบว่ามีการนำเงินมาจ่ายให้แก่นายประจวบหรือไม่ อาทิ เช็ค หรือสัญญาว่าจ้าง ส่วนพยานที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ตอนนี้ยังอยู่ที่ต่างประเทศ และไม่ได้เข้ามาให้การกับทาง กกต. แต่ข้อมูลที่มีอยู่และการให้ปากคำของนายประดิษฐ์ก็คงเพียงพอต่อการพิจารณา
ขณะที่ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ระหว่างตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ จ.พิจิตร ว่า ตอนนี้ใกล้เต็มทีแล้วที่จะชี้มูลว่ากรณีดังกล่าวถูกหรือผิด แต่ต้องให้เวลาคณะกรรมการไต่สวนได้ทำหน้าที่ตามกรอบเวลาที่ขอขยายมาอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งได้เร่งรัดตลอดเวลา และไม่หนักใจอะไรเรื่องนี้ เพราะทาง กกต.ทำงานตรงไปตรงมา ไม่สนใจเรื่องการวิ่งเต้นเส้นสาย ถึงแม้จะต้องพิสูจน์ความผิดหรือข้อมูลเกี่ยวกับฝ่ายรัฐบาลก็ตาม โดยการชี้มูลหรือตัดสินจะทำตามหลักฐาน ดูตามความจริง ไม่ดูหน้า ไม่เกรงใจใคร ดังนั้น จึงไม่ต้องเป็นห่วงถึงความเป็นกลางและบริสุทธิ์ยุติธรรม เนื่องจากการวินิจฉัยจะต้องนำไปสู่กระบวนการทางศาลยุติธรรมอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่จบที่ กกต. ดังนั้นจึงขอให้มั่นใจว่าถ้ามีหลักฐานก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา