xs
xsm
sm
md
lg

"อาร์โรโย" เลี้ยงต้อนรับ "มาร์ค" ชื่นมื่น หลังถกปัญหาพม่า-ลงขันธุรกิจร่วมกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"อาร์โรโย" เลี้ยงต้อนรับ "มาร์ค" ชื่นมื่น หลังถกปัญหาพม่า-ลงขันธุรกิจร่วมกัน เผย หารือขอนำเข้าสินค้าเกษตรไทย งดเก็บภาษีเอกชนที่จะเข้าไปในฟิลิปปินส์ ด้าน "อาร์โรโย" ขอให้ทางการไทย สนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ "มาร์ค" ขึ้นเวทีกล่าวย้ำ ความสัมพันธ์ยาวนาน 60 ปี ไทยพร้อมยืนเคียงข้างฟิลิปปินส์เสมอ

วันนี้ (14 ส.ค.) เวลา 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ โรงแรมโซฟิเทล กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปิสน์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงกรณีการที่ทางการไทยได้หารือข้อราชการกับ นางอาร์โรโย ประธานาธิบดี ฟิลิปปินส์และหารือเต็มคณะ ว่า ในปีนี้ความสัมพันธ์ของไทยและฟิลิปปินส์จะดำเนินเข้าสู่ปีที่ 60 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความราบรื่น ไม่มีปัญหาอะไรต่อกัน อีกทั้งสองประเทศยังมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะในกรอบอาเซียน สำหรับการเข้าหารือกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์วันนี้ ได้มีการพูดถึงความสัมพันธ์ในทวิภาคีด้านต่าง ๆ โดยเห็นว่าไทยและฟิลิปปินส์ยังสามารถที่จะขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีก แม้ก่อนหน้านี้ทั้งสองประเทศจะมีกลไกต่างๆ ร่วมกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการร่วมหรือคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า ดังนั้น ผู้นำทั้งสองประเทศจึงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรเร่งรัดให้มีการประชุมร่วมกันขึ้น อีกในเร็วๆนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังขอให้ฟิลิปปินส์พิจารณาเรื่องการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะพวกเนื้อไก่และผลไม้ไทย ซึ่งฟิลิปปินส์เคยออกมาตรการควบคุมการนำเข้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโรคในพืชและสัตว์ สำหรับในส่วนเรื่องข้าวไทย จะมีโอกาสในการประมูลขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์มากขึ้น โดยหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามให้ไทยสามารถซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐได้ นอกจากนี้ ยังได้ขอฟิลิปปินส์ให้ช่วยสนับสนุนภาคเอกชนไทยให้ได้มีโอกาสเข้าไปลงทุนในฟิลิปปินส์ให้มากขึ้น และมีการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อน รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ส่วนในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทางการฟิลิปปินส์ขอให้ไทยสนับสนุนการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ โดยการทำ Single Visa ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ตกลงพร้อมให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ยังได้หารือกับ นางอาร์โรโย ถึงประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวกับภูมิภาค โดยเฉพาะในส่วนความร่วมมือในกรอบอาเซียน ซึ่งทางการไทยและฟิลิปปินส์ได้เป็นแนวร่วมที่สำคัญในการผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชนของอาเซียน โดยฟิลิปปินส์ได้เสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรอาเซียน ฮิวแมนไรท์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ ได้เสนอให้ตั้งองค์กรเพื่อสานต่อความคิดริเริ่มที่จะจัดตั้งที่จ.เชียงใหม่ ในประเทศไทยอีกด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาในภูมิภาคอาเซียนกรณีความวุ่นวายในพม่าที่อาจส่งผลกระทบต่ออาเซียน ซึ่งผู้นำทั้งประเทศประสงค์ให้มีการหารือเรื่องนี้ในเวทีอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาจุดร่วมกันในการแสดงออกในเรื่องนี้

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงมะนิลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวคำอวยพรระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ นางอาร์โรโย ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวคำอวยพร ดังนี้ ทางการไทยต้องขอแสดงความซาบซึ้งและขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นจากประธานาธิบดี ฟิลิปปินส์ รวมทั้งประชาชนฟิลิปปินส์ ที่มีให้แก่ตนและคณะ โดยปีนี้ต้องถือว่าเป็นปีพิเศษ สำหรับทั้งสองประเทศ เนื่องจากจะเข้าสู่ปีที่ 60 ปีของการครบรอบสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ ซึ่งในอดีตไทยและฟิลิปปินส์ มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งและแน่นแฟ้นมาช้านาน โดยจะเห็นได้จากการเสด็จเยือนฟิลิปปินส์ในฐานะแขกสูงสุดของรัฐบาล (State visit) ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้ ในปี 2506 นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นบุตรี นายดิออสดาโด มาคาปากัล ประธานาธิบดีในขณะนั้น ได้ทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึกแด่ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ระหว่างการเสด็จเยือนครั้งนั้นด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ไทยกับฟิลิปปินส์เป็นไปด้วยดี โดยอยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันตลอดมา โดยตลอดไทยและฟิลิปปินส์มีจุดยืนร่วมกันในหลายเรื่อง ทั้งนี้ ในสนธิสัญญามะนิลาสะท้อนถึงความสนใจทางด้านยุทธศาสตร์ร่วมกัน และในทศวรรษที่ 50 เราต่างเป็นพันธมิตรในการตกลงทำสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( Southeast Asia Defense Treaty-SEATO ) ต่อจากนั้นอีก 10 ปีต่อมา ทั้งสองประเทศต่างเป็นผู้ก่อตั้งอาเซียน และเป็นสมาชิกอาเซียนสองประเทศแรกที่เริ่มพัฒนาไปสู่ระบบประชาธิปไตยในเวลาใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ไทยและฟิลิปปินส์ต่างยึดมั่นค่านิยมและมีความเชื่อมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งความยึดมั่นต่อค่านิยมเดียวกันนี้ ซึ่งทำให้ทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้ว่าในความจริงมีระยะทางที่ห่างกัน

"ปัจจุบันเรามีความร่วมมือทวิภาคีในทุกสาขาเป็นที่น่าพอใจ และเรายังมีศักยภาพที่จะสามารถขยายความร่วมมือต่อไปได้อีก โดยเฉพาะในด้านการค้าการลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คงยังจำได้ว่า แม้ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แต่การค้าระหว่างกันยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง นั่นแสดงให้เห็นถึงระดับความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีความแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศแม้ในยามวิกฤตก็ตาม หรือจะเป็นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกและความท้าทายในปัจจุบันที่โลกเรากำลังเผชิญอยู่ แต่ตนยังมั่นใจในเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ และยังคงจะให้การสนับสนุนบริษัทไทยให้เข้ามาลงทุนในฟิลิปปินส์มากขึ้น โดยมั่นใจว่าไทยจะเปิดเสรีและพร้อมต้อนรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจจากฟิลิปปินส์เช่นกัน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ภายใต้กฎบัตรอาเซียนฉบับใหม่ ไทยยืนยันว่าจะทำงานเคียงข้างฟิลิปปินส์เช่นเดียวกันกับประเทศพันธมิตรอื่นๆ ในอาเซียน เพื่อทำให้อาเซียนก้าวต่อไปข้างหน้าสู่วิสัยทัศน์และความมุ่งมาดปรารถนาเดียวกัน ไทยจะยึดมั่นในการนำอาเซียนเข้าสู่ประชาคมที่อยู่บนพื้นฐานของกฎระเบียบร่วมกันและเชื่อมต่อกัน เราจะให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางหลักของการพัฒนาและความก้าวหน้าต่างๆ จะทำให้อาเซียนเข้มแข็ง เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ยังจะร่วมกันตื่นตัว แสดงพลังในประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อต่อสู้กับการก่อการร้ายและอาชกรข้ามชาติ อีกทั้ง จะร่วมกันส่งเสริมการเสวนาและมีปฏิสัมพันธ์กัน ระหว่างผู้ที่นับถือศาสนาที่แตกต่างกัน (interfaith dialogue) รวมทั้ง การปกป้องสิทธิมนุษยชน การต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงและฉับพลัน

"ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้องในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย หวังจะได้ต้อนรับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยถือเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับประธานาธิบดีและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งหวังจะนำพาความก้าวหน้า ความมั่งคั่งของทั้งสองประเทศให้เกิดแก่ประชาชน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

อนึ่ง ในช่วงตอนท้าย นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวเชิญผู้ร่วมงานดื่มอวยพรให้แก่ประธานาธิบดีอาร์โรโย เพื่อความมั่งคั่งและเป็นมิตรที่ดีของทั้งสองประเทศ ก่อนกล่าวปิดท้ายด้วยภาษาฟิลิปปินส์ ว่า “มาบูไฮ”

กำลังโหลดความคิดเห็น