สัมภาษณ์พิเศษ : ผู้ช่วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจการันตี “กอร์ปศักดิ์” ไม่ถูกเขี่ยพ้น ครม.

แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง จะออกมาการันตีว่า พรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาล อันดับ 1 ไม่มีการหารือเรื่องอนาคตการทำงานร่วมกับ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ถึงขั้นให้ปรับนายกอร์ปศักดิ์ พ้นตำแหน่ง ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจโดยตรง

โดยเฉพาะปัญหาจากการที่พรรคฝ่ายค้าน ออกมาโจมตีทุกวัน ถึงการทุจริตเพียง 1% ของนโยบายชุมชนพอเพียง หรือคิดเป็นเม็ดเงินเพียง 50 ล้านบาท จากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 1 วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งการที่พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค ออกมาโยนหินเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในภาคการเกษตร ที่ผลงานของนายกอร์ปศักดิ์ยังไม่เข้าเป้านัก

แม้จะมีการสร้างแรงกระเพื่อมในรัฐบาลมาเป็นระลอก เพื่อให้มีการปรับ นายกอร์ปศักดิ์ เจ้าของฉายา “คุณชายละเอียด” พ้นตำแหน่ง แต่ดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีก็ยังแสดงท่าทีที่หนักแน่นที่จะขอรอการตรวจสอบข้อครหาต่างๆก่อน

โดยเฉพาะในทีมงานด้านเศรษฐกิจของ นายกอร์ปศักดิ์ ยังมีบุคคลที่เป็นสายตรงของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ชื่อ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ในฐานะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์) ทำงานร่วมหัวจมท้ายกันอยู่

ในอดีต “พุทธิพงษ์” เป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์ เขต 4 กรุงเทพมหานคร ในปี 2544 เป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ในยุคที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่ 2 และในรัฐบาลชุดนี้ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ โดยทำงานในหน้าที่นี้ได้เพียง 70 กว่าวัน ก่อนที่จะคืนโควตารองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ไปให้แก่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)

ปัจจุบัน พุทธิพงษ์ ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ “กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ” และยังเป็นหนึ่งในทีมงานคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ อีกตำแหน่งหนึ่ง

“พุทธิพงษ์” เล่าว่า เขาได้รับโอกาสเข้ามาทำงานเป็นทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ จากทั้งนายกฯ และรองนายกฯ ทำให้มีมุมมองในการทำงานกว้างขึ้น เนื่องจากนายกอร์ปศักดิ์ กำกับดูแลทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งสำนักงบประมาณ และการแก้ไขเศรษฐกิจในภาพรวม และภาคการเกษตร

การเข้ามาทำงานในตำแหน่งดังกล่าวก็จะทำตามนโยบายของรัฐบาล ที่รองนายกฯ มอบหมายงานในแต่ละด้าน เพื่อแบ่งเบาภาระ และติดตามการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบาย เพื่อบรรลุเป้าหมาย และยังมีโอกาสได้ทราบถึงนโยบาย งบประมาณ แนวคิดเหตุผลของวาระคณะรัฐมนตรี ทางลึกที่จะเข้าสู่ที่ประชุม มากกว่าการทำหน้าที่รองโฆษกฯ

“อย่างการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่สำคัญ ผมก็สามารถออกความคิดเห็น ให้นายกฯรับฟังอย่างเต็มที่ และนายกฯ ก็รับไปตัดสินใจในหลายๆ นโยบาย โดยเฉพาะด้านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากผมเคยทำงานในบีโอไอมาก่อน และเคยเป็นกรรมาธิการด้านพาณิชย์ และอุตสาหกรรม สมัยที่ยังเป็น ส.ส.”

พุทธิพงษ์ยังชี้แจงถึงกระแสข่าวการทำงานที่ไม่ลงรอยกันระหว่าง นายกอร์ปศักดิ์ กับ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย ในเรื่องแนวทางการจัดการสินค้าเกษตรหลายๆ เรื่องว่า การที่มีโอกาสทำงานร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงต่างๆ ทำให้สามารถลงรายละเอียดได้มากกว่า และคิดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในเรื่องนโยบาย เป็นเพียงความเห็นของแต่ละคนเท่านั้น สถานการณ์ทุกอย่างไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ยังมีทางออกกันได้

อย่างไรก็ตาม การที่ระดับผู้บริหารมีความเห็นไม่ตรงกัน ความคิดที่แตกต่างนั้นย่อมส่งผลในทางการเมือง คือไม่ค่อยเดินไปในทิศทางเดียวกันอย่างเต็มร้อย ซึ่งจะกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ไม่เต็มที่ เงื่อนไขที่เกิดขึ้นนั้นคิดว่า รัฐบาลที่ตั้งใจเข้ามาบริหารเศรษฐกิจ ก็ควรจะมีแนวทางที่แตกต่างกับในอดีต

พุทธิพงษ์กล่าวว่า แม้ตัวเขาจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบาย “โครงการชุมชนพอเพียง” เพราะมี “สุมิท แช่มประสิทธิ์” ผอ. สำนักงานชุมชนพอเพียง กำกับดูแลอยู่แล้ว แต่ท่ามกลางกระแสข่าว การทุจริตเพียง 1% ของนโยบายชุมชนพอเพียง ที่มีการหารือภายในพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้นั้น “พุทธิพงษ์” มองว่า ทั้ง “กอร์ปศักดิ์” หรือ “สุมิท” รวมทั้งน้องชายคนสุดท้องของรองนายกฯ อย่าง “ประโภชฌ์ สภาวสุ” ในฐานะ รอง ผอ.สำนักงานชุมชนพอเพียง ที่มีหน้าที่อนุมัติโครงการ ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง

“เท่าที่ได้สัมผัสกับนายสุมิท หรือนายประโภชฌ์ เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องการการทุจริต แต่ยอมรับว่า ปัญหาที่หมักหมมมานาน จากโครงการ เอสเอ็มแอล ในอดีต ที่ไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้าน เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริต และไม่เชื่อว่านายกอร์ปศักดิ์ จะถูกปรับออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และจะไม่มีการปรับ ครม.เศรษฐกิจในช่วงนี้ เพราะนายกรัฐมนตรี จะพิจารณาการทำงานเป็นทีม และพิจารณาเนื้องานเป็นหลัก จากผลงานรัฐบาล 6 เดือน ที่ได้แถลงไปแล้ว”

ท้ายสุด กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีผู้นี้มองว่า การปรับ ครม.เศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดไว้ว่าจะดูเนื้องานเป็นหลักนั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนที่ชื่อ “กอร์ปศักดิ์” และนายกอร์ปศักดิ์ ก็ไม่คิดจะย้ายพรรค ตามกระแสข่าวที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม “พุทธิพงษ์” ไม่ได้บอกว่า หากมีการปรับ ครม.จากแรงกดดันของพรรคร่วมรัฐบาล นายกอร์ปศักดิ์พร้อมจะถอยหรือไม่