“อภิสิทธิ์” ระบุ “เสื้อแดง” ถวายฎีกาต่อสำนักเลขาธิการพระราชวัง ต้องดูเนื้อหาสาระ ยันการอภัยโทษไม่ใช่เรื่องการเมือง ส่วน ส.ส.ปชป.แจ้งความจับถือเป็นสิทธิ์ สั่งจับตา 17 ส.ค.นี้ อย่าให้เกิดการเผชิญหน้า หวั่นภาพลักษณ์ประเทศดิ่งเหวอีกรอบ กำชับ “วิเชียร” เข้มอย่าประมาท
วันนี้ (13 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการถวายฎีกาของคนเสื้อแดงในการขอพระราชทานอภัยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า นักวิชาการก็เป็นการแสดงความคิดเห็นท่าทีไปแล้ว และได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกอะไรต่างๆ เรื่องนี้จะมาถึงรัฐบาลก็ต่อเมื่อมีการยื่นฎีกาต่อสำนักเลขาธิการพระราชวัง และส่งมายังรัฐบาลแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ จะมีการจัดรายการพิเศษหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของสถานี
เมื่อถามว่า ทางกลุ่มคนเสื้อแดงพยายามจะเชิญคน ที่มีความน่าเชื่อถือของสังคมมาเป็นแกนนำในการยื่นถวายฎีกา จะส่งผลอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจต่อประชาชน ว่า ประการแรก การถวายฎีกาไม่ใช่เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนประการที่สอง จะเข้าข่ายฎีกาหรือไม่ก็ต้องไปดูที่เนื้อหาสาระ แต่เท่าที่ติดตามมา หลายคนมีความเห็นว่าไม่ใช่ เป็นเรื่องของการเมือง ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ มันก็จะเดินไปตามเส้นทางของมัน เมื่อส่งไปยังสำนักเลขาธิการพระราชวัง สำนักเลขาฯก็จะส่งเรื่องมายังรัฐบาล รัฐบาลก็จะให้ความเห็นชัดเจน
เมื่อถามว่า ถือว่าสำคัญหรือไม่ หากคนที่นำยื่นฎีกาเป็นบุคคลสำคัญ ที่สังคมไม่การยอมรับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะใครมายื่นก็แล้วแต่ สำคัญที่เนื้อหาสาระตัวหนังสือ ถ้าเนื้อหาสาระไม่เข้าข่าย ต่อให้ใครมายื่นก็ไม่เข้าข่ายทั้งนั้น ถ้าเนื้อหาสาระใครจะมายื่นก็เข้าข่าย
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะยับยั้งการกระทำอันมิบังควรได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิ และเท่าที่ตนได้ติดตามดู ก็ยังไม่ชัดเจน มีความเห็นบางกลุ่มระบุว่าขัดต่อกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการเป็นเรื่องของความเห็นแต่ละกลุ่มไป แต่ขั้นตอนที่จะมาถึงรัฐบาลต้องผ่านสำนักราชเลขาธิการ มาก่อน เมื่อถามว่า ขณะนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้แจ้งความต่อเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นความเห็นของแต่ละคนที่จะต้องรับผิดชอบในความเห็นของตัวเองไป
เมื่อถามว่า หวั่นหรือไม่ ว่าวันที่ 17 ส.ค.นี้ ในการยื่นถวายฎีกาจะเกิดความวุ่นวายขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลความเรียบร้อย ทุกคนต้องเข้าใจว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ ภาพลักษณ์ของประเทศจะได้รับผลกระทบ ความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ขณะนี้พูดตามจริงเวลาที่เราเดินทางไปติดต่อกับนักลงทุนต่างประเทศ เขาห่วงอยู่ 2 อย่าง คือ เรื่องการเมือง ไม่ต้องการจะเห็นความรุนแรง เหตุการณ์ไม่ปกติอีก อย่างที่สอง คือ เรื่องไข้หวัด ซึ่งเราต้องแก้ไขกันไป เพราะฉะนั้นหากไปทำอะไรที่เป็นอย่างนั้นก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนมากขึ้น และจะทำให้คนประสบปัญหาเศรษฐกิจ คนยากจนลำบากที่สุด
เมื่อถามว่า มีรายงานหรือไม่ว่าจะมีสัญญาณที่น่าห่วง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังครับ แต่เราก็ไม่ประมาท เพราะเราทราบว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการรวมตัวของคนเยอะๆ ต้องระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุ เหตุแทรกซ้อน มีคนเพียงไม่กี่คนก่อให้เกิดปัญหา เมื่อถามอีกว่า เกรงหรือไม่จะเกิดเหตุเนื่องจากเป็นวันเดียวกับที่ศาลตัดสินคดีกล้ายาง ของนาย เนวิน ชิดชอบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไม่ให้ปะทะกัน และเจ้าหน้าที่จะต้องได้รับคำสั่งชัดเจนไม่ให้คนสองกลุ่มปะทะกัน
เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับกับ พล.ต.อ.วิเชียร์ พจน์โพธิ์ศรี รักษาการ ผบ.ตร.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้พูดกันตั้งแต่รอบแรก ที่ท่านรักษาการแล้วว่าเป็นงานที่ท่านต้องทำให้สำเร็จ ส่วนการประเมินตัวเลขไว้หรือไม่นั้น ยังไม่มีการประเมิน ยังต้องใช้เวลาการประเมินในระยะเวลาใกล้ๆ เมื่อถามว่า มั่นใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ต้องทำไม่มีใครสามารถละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ เมื่อถามว่า รัฐบาลไม่ต้องการเห็นคนทั้ง2 ฝ่ายทั้งหนุนและต้านปะทะกันใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า เราไม่ต้องการเห็นการปะทะใดๆทั้งสิ้น ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงใครจะใช้สิทธิ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย เมื่อถามอีกว่า การไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะว่า พูดกันชัดเจนว่าเป็นหน้าที่เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อบ้านเมือง ปัญหาอุปสรรคต่างๆก็มีการพูดคุยกันตั้งแต่เดือน เม.ย.แล้ว