xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.ผ่านร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท-ตั้ง กมธ.วิสามัญแปรญัตติใน 7 วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายคำนูณ สิทธิสมาน
ส.ว.ผ่านร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ด้วยเสียง 110 ต่อ 21 พร้อมตั้ง กมธ.วิสามัญแปรญัตติภายใน 7 วัน หลังใช้เวลาพิจารณาในสภา 11 ชั่วโมง ถูก ส.ว.รุมสวด เป็น พ.ร.บ.ที่มีช่องโหว่ด้าน กม.หลายประการ ส่อเค้าขัดมาตรา 8 ใน รธน.ด้าน “กรณ์” ลุกขึ้นอ้อนเพื่อน ส.ว.ในสภา ให้ช่วยผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ชี้ ช่วยให้ ศก.ดีขึ้นได้ ขณะที่ “มาร์ค” ยันจะใช้เงินให้โปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน



วันนี้ (10 ส.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ลุกขึ้นอภิปรายถึงกรณีรัฐบาลเสนอร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท เข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมสภา ว่า ตนไม่อาจรับร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 4 แสนล้านบาท ของกระทรวงการคลังได้ เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่มีสาระสำคัญให้สภาตรวจสอบวงเงินที่กระทรวงการคลังกู้ และไม่แน่ใจการกู้เงินดังกล่าวจะมีความเหมาะสมหรือคุ้มค่าหรือไม่ รวมทั้งไม่อาจรู้เลยว่า เมื่อกู้ผ่านไปได้แล้วจะชดใช้เงินอย่างไร จะเห็นได้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นถึงความฉุกละหุก และความไม่รอบคอบอย่างประการที่อาจหมิ่นเหม่ว่าจะขัดต่อหลายมาตราในหมวด 8 ซึ่งเป็นการบัญญัติครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ตนไม่อาจอนุมัติร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้ เนื่องจากจะกลายเป็นตัวอย่างเลวให้แก่รัฐบาลชุดต่อไป ซึ่งไม่มั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นคนดี หรือเป็นคนเลว เพราะเกรงว่าถ้าหากได้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป มาบริหารประเทศ จะมาอ้างว่าเงินไม่พอ แล้วใช้เงินแบบอีลุ่ยฉุยแฉกไม่ได้ ทั้งนี้ เคยมีคนเคยเสนอว่าให้รับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไปก่อน แล้วค่อยนำมาแปรญัตติที่หลัง โดยตนเห็นว่า หากลงมติให้ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวผ่านไปแล้ว เกรงว่า จะตอบคำถามตัวเองไม่ได้ว่าจะทำงานในฐานะนิติบัญญัติต่อไปได้หรือไม่ และอยากให้รัฐบาลเสนอร่างกฎหมายที่ดีกว่านี้เข้ามาให้พิจารณา อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การออกมาท้วงติงครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณให้สะเทือนไปถึงรัฐบาล ว่า ในการตัดสินใจโดยใช้วิธีการทางรัฐสภาต้องทำเช่นไร

ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมสภาถึงกรณีที่ ส.ว.รุมคัดค้านร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 4 แสนล้านบาท ว่า ตนทราบดีว่า อิทธิพลของ ส.ว.มีมากต่อการทำงานของรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.ว.ได้มีการท้วงติงเรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ดังกล่าวมาแล้ว และรัฐบาลก็ได้ทำการชี้แจงรายละเอียดไปแล้วถึง 2 ครั้ง ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อาทิ เรื่องการกลั่นกรองโครงการ การเร่งออกระเบียบการใช้เงิน โดยจะเอาไปใช้ในโครงการอื่นๆ หรือโยกย้ายงบข้ามกระทรวง แต่ข้ามหน่วยงานไม่ได้ รวมทั้งการประเมินโครงการ ว่า จะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับมหภาคและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร ทั้งนี้ จากการที่ลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนประมาณ 10 จังหวัด ในช่วงที่ผ่านมา พบเห็นความหลากหลายในความต้องการด้านการใช้งบประมาณหลายอย่าง อาทิ เรื่องการขยายโรงพยาบาลที่ จ.สุราษฎร์ธานี รวมทั้งการบูรณะสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ จ.สุโขทัย การสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมที่ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น ซึ่งยังไม่นับรวมถึงระบบชลประทานที่เกษตรกรต้องการ

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า สัญญาณเศรษฐกิจขณะนี้เริ่มดีขึ้น แต่เป็นเพียงสัญญาณเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งสัญญาณที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ภาคเอกชนเริ่มมั่นใจบทบาทของรัฐบาล รวมทั้งการเดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็งในช่วงครึ่งปีหลังนั่นเอง ทั้งนี้ มีนักวิชาการหลายคนมองภาพรวมของเศรษฐกิจไทยเป็นบวก อาทิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง ที่เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ว่า โครงการไทยเข้มแข็งในช่วงครึ่งปีหลัง จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไปรัฐบาลจะเดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็งอย่างเต็มที่ โดยภายในอาทิตย์หน้า สำนักงบประมาณจะเสนอแผนให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาถึงรายละเอียดโครงการอีกครั้ง จากนั้นจะนำเสนอขออนุมัติงบเพื่อดำเนินการในโครงการต่อไป ส่วนเรื่องของการตรวจสอบโครงการนั้น จะเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการประมูล รวมทั้งตั้งราคากลางที่จะใช้ในการประมูล ทางสำนักงบประมาณจะเป็นผู้คำนวณทั้งสิ้น ดังนั้น จึงไม่แตกต่างจากระบบปกติมากนัก จึงขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้เรื่องนี้ แม้ว่า ส.ว.บางคนจะมองว่า เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วจะทำอย่างไร เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เนื่องจากโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก และไม่ต้องกังวลเรื่องล็อกสเปก สำหรับในส่วนกรณีที่มีเงินเหลือก็ต้องคืนคลัง ฉะนั้น ขอให้มั่นใจในเจตนาของรัฐบาล และพิจารณาให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมว่า เหตุที่รัฐบาลจำเป็นต้องเสนอร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 4 แสนล้านบาท เพราะขณะนี้บ้านเมืองกำลังเกิดวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกฎหมายวิธีพิจารณางบประมาณ และกฎหมายหนี้สาธารณะ แต่ขอยืนยันว่ารัฐบาลยินดีรับฟังความเห็นของ ส.ว.เพื่อนำไปปรับปรุงต่อไป รวมทั้งพร้อมให้มีการตรวจสอบ หรือแก้ไขข้อผิดพลาดในขั้นตอนต่างๆ ของการแปรญัตติจากคณะกรรมาธิการวิสามัญได้

“ขอให้สบายใจได้ว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณเหล่านี้ด้วยความโปร่งใส อำนาจที่ได้ไปไม่ได้หมายความว่าจะใช้เงินทั้งหมด รัฐบาลไม่มีเจตนาจะเลี่ยงรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่น เพียงแต่เราออกมาในช่วงที่สถานการณ์ไม่ปกติ ถ้าหากรัฐบาลไม่ต้องการให้อำนาจกับสภา เราก็คงจะออกเป็นพระราชกำหนดไปแล้ว และถ้าหากขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในสภาวะปกติ ทางรัฐบาลคงไม่คิดทำเช่นนี้แน่นอน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากสมาชิกได้ใช้เวลาพิจารณา 11 ชั่วโมง ที่ประชุมสภาได้ทำการลงมติเห็นชอบวาระ 1 ด้วยคะแนนเสียง 110 ต่อ 21 เสียง งดออกเสียง 9 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง จากนั้นได้ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 27 คน โดยมีการแปรญัตติภายใน 7 วัน
นายกรณ์ จาติกวณิช
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
กำลังโหลดความคิดเห็น