ทนายพันธมิตรฯ เตรียมแจ้งจับแกนนำเสื้อแดง ถวายฎีกามิบังควร ช่วยเหลือผู้กระทำผิด ขัดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 โทษจำคุกสูงสุด 2 ปี ทั้งยังดูหมิ่นศาลตาม ม.198 โทษจำคุกถึง 7 ปี พร้อมเปิดให้ประชาชนดาวน์โหลดแบบฟอร์มแจ้งความดำเนินคดีต่อแกนนำคนเสื้อแดงและผู้มีส่วนในการล่ารายชื่อได้ทั่วประเทศ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ให้สัมภาษณ์
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ กับพวก ได้ทำการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประกาศว่าจะพามวลชนเรือนแสนนำฎีกาไปยื่นต่อท่านราชเลขาธิการ ซึ่งนอกจากหลายๆ ฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีลักษณะเป็นการดำเนินการทางการเมืองเพื่อกดดันต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่งนั้น ยังถือเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
นอกจากนั้น การถวายฎีกาของคนเสื้อแดงยังถือเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ดังนั้น ตนจึงได้เตรียมการที่จะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีต่อแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการล่ารายชื่อดังกล่าว ซึ่งถือว่าได้กระทำความผิดสำเร็จแล้ว โดยประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากแกนนำคนเนื้อแดงตามที่มีชื่อปรากฏแล้ว หากพบเห็นใครก็ตามที่มีส่วนในการล่ารายชื่อก็ถือว่ามีความผิด และประชาชนสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านั้นเพิ่มเติมได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายสุวัตรกล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่ต้องการแจ้งความดำเนินคดีต่อแกนนำคนเสื้อแดงดังกล่าว สามารถใช้แบบฟอร์มการแจ้งความร้องทุกข์ที่ตนได้ร่างขึ้นและเปิดให้ดาวน์โหลดตามลิงค์ข้างล่างนี้ โดยให้ลงชื่อจริงของผู้แจ้งความ วันที่ สถานีตำรวจที่แจ้งความ และพิมพ์เอกสารฎีกาของคนเสื้อแดงยื่นเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความด้วย
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มแจ้งความ ที่นี่
ดาวน์โหลดฎีกาคนเสื้อแดงที่นี่
รายละเอียด คำแจ้งความ
ที่........................................................
............สิงหาคม 2552
เรื่อง ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดต่ออาญาแผ่นดิน
เรียน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจ.........................................................................
สิ่งที่ส่งมาด้วย ฎีกาจำนวน 1 ฉบับ
จากกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งนำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ กับพวก ดำเนินการรวบรวมรายชื่อประชาชนที่นิยมชมชอบ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ให้ร่วมกันลงชื่อในฎีกาที่พวกตนจัดทำขึ้นเพื่อทูลเกล้าถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการโฆษณาป่าวประกาศว่าจะสามารถนำรายชื่อประชาชนจำนวนหลายล้านคนมาร่วมลงชื่อ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประกาศว่าจะพามวลชนเรือนแสนนำฎีกาไปยื่นต่อท่านราชเลขาธิการ ซึ่งหลาย ๆ ฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีลักษณะเป็นการดำเนินการทางการเมืองเพื่อกดดันต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่งนั้น
ข้าพเจ้าเห็นว่า การกระทำของผู้นำกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าว นอกจากจะเป็นการกระทำที่ไม่บังควรอย่างยิ่งแล้ว ยังเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ดังนั้น การที่นายวีระ มุสิกพงศ์ กับพวกดำเนินการนำมวลชนมาลงชื่อถวายฎีกาเพื่อกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้พระราชทานอภัยโทษแก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะเนื้อหาในฎีกาที่พวกตนจัดทำขึ้นมีลักษณะเป็นการกล่าวร้ายต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าได้ใช้กฎหมายที่ไม่ต้องด้วยหลักนิติธรรม ในการดำเนินคดีมีปัญหาด้านนิติรัฐ นิติธรรมใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานกับคน 2 พวก ไม่ใช้กฎหมายโดยเสมอภาคเป็นวิธีการอนารยะ ขอให้อภัยโทษให้แก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ถือว่าเป็นการทูลเกล้าถวายฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งต้องห้ามตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคสอง ที่บัญญัติไว้ว่า “คดีที่ศาลฎีกาได้พิจารณาหรือมีคำสั่งแล้ว คู่ความไม่มีสิทธิที่จะทูลเกล้าถวายฎีกาคัดค้านคดีนั้นต่อไป” ประกอบพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2549 มาตรา 4 บัญญัติว่า “ ผู้ซึ่งจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ” กลุ่มคนเสื้อแดงย่อมไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะทูลเกล้าถวายฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แทนพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้
การปลุกระดมให้ประชาชนร่วมลงชื่อทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักการเมืองที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุก แต่ยังไม่ได้รับโทษเพราะหลบหนีไปก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาให้ฟัง อีกทั้งยังหลบหนีหมายจับของศาลในคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคดี โดยผู้กระทำความผิดยังมิได้สำนึกผิดในการกระทำของตนนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง
การที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ กับพวก ป่าวประกาศโฆษณาว่า จะใช้มวลชนเรือนล้านมาร่วมลงชื่อถวายฎีกาก็ดี การนำมวลชนเรือนหมื่นเรือนแสนเดินทางไปยื่นฎีกาโดยตรงต่อท่านราชเลขาธิการ แทนที่จะยื่นต่อหน่วยงานราชการตามขั้นตอน และยังบังอาจประกาศว่าจะไม่ให้มีการกลั่นกรองความถูกต้องจากหน่วยงานราชการและคณะองคมนตรีก่อนก็ดี เห็นได้ชัดว่าเป็นการดำเนินกิจกรรมการทางการเมือง เพื่อกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้พระราชทานอภัยโทษแก่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎมาย จึงถือว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ร่วมกันกระทำการใด ๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยมีเจตนาช่วยเหลือพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เพื่อไม่ให้ต้องโทษและเพื่อมิให้ถูกจับกุม การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 อันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะช่วยเหลือผู้กระทำความผิดได้หรือไม่ก็ตาม โดยนายวีระ มุสิกพงศ์ กับพวก จะแก้ตัวว่ากระทำไปโดยไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดทางอาญาไม่ได้
นอกจากนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 บัญญัติว่า “ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ดังนั้น การที่นายวีระ มุสิกพงศ์ กับพวกจัดทำแผนและเผยแพร่ข้อความในฎีกาที่มีลักษณะเป็นกล่าวร้ายต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งพิพากษาลงโทษจำคุกพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นคำตัดสินที่ไม่ถูกต้องใช้กฎหมายที่ไม่ต้องด้วยหลักนิติธรรม ในการดำเนินคดีมีปัญหาด้านนิติรัฐ นิติธรรมใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานกับคน 2 พวก ไม่ใช้กฎหมายโดยเสมอภาคเป็นวิธีการอนารยะกับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นั้น จึงเป็นการจงใจใส่ร้ายและดูหมิ่นศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี ซึ่งเป็นความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวด้วย
เนื่องจากความผิดข้างต้นเป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน ซึ่งเป็นคดีที่ไม่อาจยอมความกันได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
ข้าพเจ้าขอให้ท่านดำเนินคดีกับนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ กับพวก ซึ่งร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 และมาตรา 198 โดยเร็ว ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้คนกลุ่มนี้ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองอีกต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
ลงชื่อ ผู้ร้องทุกข์
( )
ข้าพเจ้า นาย/นางสาว/นาง.......................................................อายุ.........ปี อาชีพ........................
บัตรประชาชนเลขที่...............................................ออกที่..........................................
อยู่บ้านเลขที่...........หมู่.................ถนน.....................................ซอย...................................
แขวง/ตำบล.....................................เขต/อำเภอ................................................
จังหวัด...............................................รหัสไปรษณีย์......................................โทร.............................