นายกฯ ยอมรับตามตัว “ทักษิณ” กลับมาดำเนินคดียาก หลังใช้เล่ห์เหลี่ยมเลือกพำนักในประเทศที่ไทยไม่มีสนธิสัญญาหรือสถานทูตไทยตั้งอยู่ พร้อมระบุคนไทยต้องมีความเสมอภาคทางกฎหมายเท่าเทียมกัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
วันนี้ (6 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถามภายหลังแถลงผลงานรัฐบาล 6 เดือน โดยผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลแถลงความสำเร็จของรัฐบาล แต่ขณะเดียวกัน นอกทำเนียบมีผู้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ มองว่าคนไทยจะมีความสุขจริงหรือไม่ และในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีการพูดถึงการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาดำเนินคดี ปัญหาการติดตามตัวมีอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการชุมนุมประท้วงบอกได้ว่า การชุมนุมประท้วงเรียกร้อง คงไม่หมดไป ปัญหาการบริหารบ้านเมืองอยู่คู่กันแต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้ 1.หากมีความเดือดร้อน บอกกล่าวรัฐบาลเรารับฟังเสมอ 2.มีหลายกลุ่มชุมนุมมาตลอดเช่น เรื่องที่ทำกิน รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลชุดแรกที่นั่งทำงานกับเขาและขอขอบคุณผู้มาเรียกร้องที่ยังนั่งทำงานกับเรา แม้เวลาเกินที่เขาขีดเส้นตายไว้ ซึ่งเราทำจริงจังและกำลังจะหาคำตอบใหม่ เช่น โฉนดชุมชน เกษตรกรที่เคยมาร้องเรียนเรื่องของหนี้สิน เราก็นั่งทำงานกับเขาอย่างจริงจัง และเป็นครั้งแรกที่อนุมัติเรื่องเงินที่เข้าไปซื้อหนี้ และกำลังจะมีการจัดเงินไปให้เขาฟื้นฟูอีก ประชาชนที่อาศัยในสลัมเคยประท้วงขณะนี้เราทำงานกับเขาเรื่องบ้านมั่นคง ชาวไร่อ้อยมาเรียกร้องความเดือดร้อนเป็นพิเศษ รัฐบาลก็ตอบสนอง และรัฐบาลก็ไม่ได้ตอบสนองทุกเรื่องเพราะบางเรื่องไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศชาติประชาชน แต่คิดว่าเรารับฟัง เราให้สิทธิคนที่แสดง ตนคิดว่าปัญหาจะมีอยู่คู่ประเทศไทย แต่ยืนยันว่าทุกปัญหาเรามีความกังวล สนใจ ใส่ใจเดินหน้าทำงานแก้ไข
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นเรื่องปกติที่หน่วยงานจะบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความเสมอภาค ถามว่ามีอุปสรรคอะไร จริงๆ แล้วไม่ได้เจาะจงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ถ้าย้อนไปดูประวัติว่า เวลาที่มีคนทำผิดแล้วหลบหนีไปต่างประเทศเป็นเรื่องยากที่จะนำกลับมาดำเนินคดี ไม่ต้องถึงขนาดผู้นำประเทศหรอก ขนาดภาคธุรกิจบ้างอะไรบ้างก็มีหลายคดีนำกลับมาไม่ง่าย เพราะต้องประสานความร่วมมือกับองค์กรระดับสากล ต้องดูข้อกฎหมาย ถามว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการรักษากฎหมายหรือไม่ ต้องบอกว่า ตนสังเกตเห็นว่าระยะหลังบุคคลดังกล่าวเดินทางไปยังประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญา และเริ่มเดินทางไปยังประเทศที่เราไม่มีสถานทูตมากขึ้น เป็นตัวบ่งบอกชัดเจนว่ารัฐบาลรักษากฎหมายและจัดทำอย่างพอดีที่จะรักษากฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าคนไทยทุกคนมีความเสมอภาคทางกฎหมายเหมือนกัน
เมื่อถามว่า หลังจากแถลงนโยบายแล้วคิดว่าความเชื่อมั่นต่อประชาชนจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่การทำงานไม่ได้อยู่ที่การแถลง หลายเรื่องได้เป็นประเด็นไปแล้ว เช่น ระบบสวัสดิการ พลังงาน การท่องเที่ยว ยังต้องทำมากขึ้น หรือระบบประกันราคาพืชผลก็จะมีการเร่งรัดเดินหน้า ความจริงผลการสำรวจงานรัฐบาลในรอบเดือนที่ผ่านมา มีตัวเลขหลายตัวไปในทางบวก ขอบคุณที่มีประชาชนเข้าใจ
เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลมีรูปธรรมอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แต่ละกลุ่มได้ประโยชน์อย่างไร รวมทั้งตัวชี้วัดแสดงให้ดูบ่งบอกว่า ยาที่เราให้ในการรักษาโรควิกฤตเศรษฐกิจน่าจะเป็นยาที่ถูกแล้ว เมื่อถามถึงโครงการต้นกล้าอาชีพ สามารถสร้างอาชีพให้ประชาชนได้จริงหรือไม่ เพราะบางแห่งยังพบปัญหาอยู่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราฝึกไปแล้ว 2 แสนคน ได้งานแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นจะมี 30 เปอร์เซ็นต์หางาน รองานอยู่ นอกจากนี้มีการฝึกงานเฉพาะ เช่น การฝึกงานด้านธุรการโรงเรียน ตอบสนองอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตรงนี้ตรงเป้า แต่จะมีการฝึกอบรมในบางเรื่องที่เป็นที่นิยม แต่ไม่สามารถหางานได้ในขณะนี้ นอกจากนี้ยังมีผู้ที่กลับไปทำรัฐวิสาหกิจชุมชนด้วย ฉะนั้น มองว่า เป้าหมายที่วางไว้เป็นไปตามกำหนด เชื่อว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นโอกาสทำงานจะมีมากขึ้น