“สาทิตย์” เย้ย “แม้ว” ใช้ “โฮโลแกรม” เชยมาก เพิ่งคิดได้ทำ “เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์” คุยประชาธิปัตย์ทำมานานแล้ว ไม่สนจัดวันเกิด บอกตาสีตาสายังจัดได้ ถามประเทศได้ประโยชน์อะไร ยก กทช.ขู่ “วิทยุชุมชน-เคเบิล” แพร่ภาพ “นช.แม้ว” ลั่นเอาผิดแน่ หากผิดกฎหมาย ปัดรัฐไล่บี้ ไม่อยากตอบโต้รายวัน อุ้ม “เทพไท” หลังนายทหารติพูดมาก ระบุแค่ชี้แจงฝ่ายค้านกล่าวหา ส่วนเสื้อแดงถวายฎีกาทำระคายเคืองหรือไม่
วันนี้ (24 ก.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่เครือข่ายวิทยุชุมชน และโทรทัศน์เคเบิลทีวีจะทำการถ่ายทอดงานแซยิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกันหมดว่า ในการดำเนินการในแง่ของวิทยุชุมชนและเคเบิลทีวีสามารถดำเนินการได้ และเป็นความรับผิดชอบของเขาเอง ถ้าเกิดรายการนั้นเป็นรายการที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ไปละเมิดสิทธิของใคร หรือไม่เป็นรายการที่ไม่ไปปลุกปั่นหรือสร้างความวุ่นวายก็สามารถทำได้ และถ้ามีความผิดพลาดในเชิงของข้อกฎหมายก็เป็นความรับผิดชอบของผู้ที่ถ่ายทอดรายการนั้นเอง และไม่จำเป็นต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ปกติธรรมดา ก็เป็นการดูทั่วๆ ไป เพราะหน่วยงานตามปกติมีดูกันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การดำเนินการกับเครือข่ายวิทยุชุมชน หรือเคเบิลคนเสื้อแดง จะทำอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่าเป็นเรื่องเลือกปฏิบัติ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงเองก็บอกว่า เวลาที่เอเอสทีวีปลุกระดมให้คนไปยึดทำเนียบหรือสนามบินสุวรรณภูมิรัฐบาลกลับไม่ดำเนินการอะไร นายสาทิตย์กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้วก็ต้องไปถามรัฐบาลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว อันนี้รัฐบาลปัจจุบัน เมื่อถามต่อว่า เท่าที่ประสานกับ กทช.มีผลบ้างแล้วหรือยัง นายสาทิตย์กล่าวว่า กทช.ได้มีการประกาศออกมาแล้ว หลังจากที่ตนได้ให้สัมภาษณ์ไป 2 วัน รู้สึก กทช.ก็อนุมัติทันที ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ เพราะต่อจากนี้วิทยุชุมชนจะมีการกำกับดูแล วิทยุชุมชนที่ลงทะเบียนแล้วก็จะเข้าสู่กฎเกณฑ์กติกาทันที ส่วนวิทยุชุมชนที่ยังไม่เข้าสู่ระเบียบก็จะต้องรีบเข้าสู่กฎระเบียบตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ในประกาศ กทช. วิทยุชุมชนที่ไปดำเนินการทางด้านการเมืองหลายคลื่นที่ยังไม่เข้าสู่กติกานี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจเอา
นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า แต่หลักการใหญ่ก็คือ ประเทศต้องมีการกำกับดูแลในเรื่องของคลื่นความถี่ ซึ่งต้องเป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะจริงๆ เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์มุ่งที่จะไปจัดการกับใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นเรื่องของการต้องมีกฎเกณฑ์กติกาในการกำกับดูแลเรื่องคลื่นความถี่ เพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง ซึ่งขณะนี้เรื่องของตัวเลขของวิทยุชุมชนเครือข่ายเสื้อแดงที่เข้าสู่ระบบยังไม่มีตัวเลขที่แน่นอน เป็นการตัดสินใจของเขาเอง ดังนั้น เป็นเรื่องที่เขาควรจะเลือกเอง คือเราเองไม่ได้ไปจับเจาะใครคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่เราต้องการเห็นคลื่นความถี่สาธารณะของประชาชนถูกใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะอย่างแท้จริง และเราเองคงไม่ต้องไปเร่งรัดอะไร เพราะมีกรอบระยะกำหนดอยู่แล้ว ขณะนี้ก็ถือว่าเข้าสู่กติกาแล้วก็เป็นเรื่องดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลได้ติดตามดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนทักษิณหรือไม่ที่ได้มีการใช้สื่อในมือในการประโคมข่าว โดยที่ล่าสุดมีการใช้สื่อในรูปแบบใหม่แบบ 3 มิติ นายสาทิตย์กล่าวว่า ไม่ติดตามปกติธรรมดา เพราะเขาก็ทำทุกวันปรับปรุงรูปแบบอยู่เรื่อยๆ
“รัฐบาลก็มีหน้าที่แก้ไขปากท้องประชาชนเป็นเรื่องหลัก คงไม่คิดเรื่องของคุณทักษิณเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดว่าถ้าเราจะให้ความสำคัญของคุณทักษิณว่าจะทำอะไรเซอร์ไพรส์หรือไม่เซอร์ไพร์ส คำถามเดียวเท่านั้น คือ สิ่งเหล่านั้นให้ประโยชน์กับประเทศชาติอย่างไร ประชาชนได้อะไรจากเรื่องนั้น นอกจากสีสันอย่างสนุกสนาน ถ้าเราไปตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ทำไปทำไม ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนดีกว่า” นายสาทิตย์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงหรือไม่ เพราะมีการดึงพระสงฆ์เข้าไปเกี่ยวข้องและมีพิธีกรรมทางศาสนา นายสาทิตย์กล่าวว่า อันนี้เป็นประเด็นมากกว่า เพราะฝ่ายพระสงฆ์ก็ออกมาติงว่าไม่ควรเอาวัดมาเคลื่อนไหวทางการเมือง และรัฐบาลก็ไม่ได้มีการประสานไปยังมหาเถรสมาคม (มส.) เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
“ผมคิดว่าคนที่จัดเรื่องนี้ควรมีสำนึกและคิดได้เอง วันนี้ถึงจุดที่ทุกฝ่ายต้องมาคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันได้อะไรกับประเทศชาติประชาชาชน มันเกิดประโยชน์กับตัวเองแน่ แต่ประชาชนได้อะไร ประเทศได้อะไร ประเด็นหลักมีแค่นั้น ท่านนายกรัฐมนตรีจึงบอกว่ามีภารกิจ มีงานของท่าน ท่านก็ทำไป รายการเชื่อมั่นประเทศไทยของนายกฯวันที่ 26 ก.ค.ก็เป็นการออกอากาศตามปกติ พูดคุยเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน วันที่ 25 ก.ค.ท่านจะเยี่ยมประชาชนที่ได้รับงบประมาณในโครงการบ้านมั่นคง” นายสาทิตย์กล่าว
เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลไม่กังวลใจหรือดิ้นตามเกม ให้มหาดไทยผู้ว่าฯ ฝ่ายปกครองทำไป นายสาทิตย์กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายบางเรื่องที่เป็นการปกป้องสถาบันก็ต้องทำไป ซึ่งเป็นนโยบายหลัก ที่มหาดไทยรับผิดชอบ เขาก็ต้องไปดูแล อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงวันที่ 26 ก.ค.เป็นสิ่งที่ทำได้ การจัดการฉลองวันเกิดใครทั่วประเทศก็ทำได้อยู่แล้ว ตาสีตาสา ยายมี ยายแม้น มีสิทธิ์จัดวันเกิดอยู่แล้ว ถ้าจัดแล้วเป็นข่าวประชาชนได้อะไร
นายสาทิตย์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ติงว่าไม่ควรใช้วัดเป็นสถานที่เคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นสิทธิ์ที่พระมีสิทธิติงได้ ทุกอย่างอยู่ที่สำนึกของคนจัดงานว่าเขาคิดได้หรือไม่ วันที่ 26 ก.ค.ตนจะมาเล่นฟุตบอลกับนายกฯ โดยตนเล่นเป็นตัวยืน ข่าววันที่ 26 ก.ค.เรื่องทักษิณ มันห้ามไม่ได้ เขาก็ปั้นขึ้นมาอยากให้เป็นข่าวใหญ่ และสื่อเราไปรับลูกเยอะ มันได้สีสัน อย่างโฮโลแกรมมันมีสมัยหนังสตาร์วอร์ภาคแรก ประมาณ 30 ปีมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นอะไร รัฐบาลทำงานไม่ต้องแย่งซีนกับใคร มาเปรียบเทียบไม่ได้ว่าวันนั้นใครจะหวือหวากว่ากันเพราะวัตถุประสงค์คนละอย่าง คนหนึ่งจัดงานวันเกิดเพื่อตัวพวกพ้อง ขณะที่นายกฯ ออกมาพูดจาเรื่องการแก้ไขปัญหาประเทศ มันเปรียบเทียบกันไม่ได้ การที่เขาออกมาบอกว่ารัฐบาลบล็อคไม่ไห้ออกอากาศ พูดอย่างนี้เพื่อให้เกิดความสนุกและเป็นข่าว ตนถึงบอกว่าเฉยๆ ชาวบ้านที่ดูก็คิดได้เอง
เมื่อถามกลุ่มเสื้อแดงออกมาระบุว่ามีคนลงชื่อถวายฎีกาถึง 5 ล้านคน นายสาทิตย์กล่าวว่า สื่อกำลังยุให้รัฐบาลบล็อกหรือไม่ เรื่องถวายฎีกามันมีกฎเกณฑ์อยู่ที่ว่าเหมาะสมหรือไม่แค่ไหน บังควรหรือไม่ ทางหนึ่งคุณบอกว่าไม่ทำให้ระคายเคือง แต่สิ่งที่คุณปฏิบัติคืออะไร นี่คือเรื่องใหญ่ กระทบความรู้สึกคนจำนวนมาก หลักใหญ่คือไม่ควรสร้างให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคม แล้วเอาสถาบันมาเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง การอ้างเรื่องตัวเลขเป็นแค่ปัจจัยอย่างนั้น ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสม คำถามคือว่าถ้ายังไม่หยุดการเคลื่อนไหว ตกลงคุณคิดอะไรกันแน่
“นายกฯ อภิสิทธิ์ ได้พูดตอนหนึ่งในวันที่รับพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าจะไม่ทำให้สถาบันสูงสุดมาอยู่ในความขัดแย้งด้วย และต้องไม่ยอมให้ใครทำเช่นนั้นด้วย พอรัฐบาลออกมาพูดเรื่องนี้มาก ก็หาว่าให้ความสำคัญมาก ไม่พูดเลยก็หาว่าไม่ทำอะไร ลำบากเหมือนกัน พอรัฐบาลบอกอยู่ในฐานะนักโทษหนีกฎหมาย ก็หาว่ารัฐบาลตั้งทีมไล่ล่า ทำไมไม่คิดทำงานอื่น มันมองได้ทุกมุม เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องยืนยันจุดยืน ทำงานก็ทำไป เรื่องทักษิณ ก็ว่ากันไปตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนเรื่องข่าวคนก็คิดได้เองว่าชาวบ้านว่าอะไรหรือเปล่า เบื่อเหมือนกันที่ต้องพูดเรื่องนี้ทุกวัน”
ส่วนที่มีนายทหารออกมาตำหนิการพูดของนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรค ผ่านทางนายกฯ นั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง ก็เหมือนคนที่วิจารณ์กลุ่มคนเสื้อแดง คนวิจารณ์นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกโฆษกพรรคเพื่อไทยก็มี ทุกคนที่เป็นบุคคลสาธารณะถูกวิจารณ์ทั้งสิ้น แต่หลักเกณฑ์มีข้อเดียว คือ ใครพูดอะไรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด แต่ข้อเท็จจริงคือข่าวสารที่ออกมาทุกวัน บางทีต้องออกมาชี้แจง ก็ต้องไม่ลืมว่านายพร้อมพงศ์มีเรื่องร้องเรียนทุกวัน ทางฝ่ายนี้ต้องออกมาแก้ข่าว
นายสาทิตย์กล่าวว่า ตนดูข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ นอกจากนี้ยังมีเฟซบุ๊ก กับทวิตเตอร์ ทำมานานแล้ว ซึ่งมีของนายกรณ์ จาติกวณิช นายกรัฐมนตรี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เพิ่งจะเปิด อาจจะเพิ่งคิดได้