xs
xsm
sm
md
lg

“นช.แม้ว” โฟนอินอ้อน “หางแดง” อยากกลับไปถวายงานในหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พ่อของคนเสื้อแดง
“นช.แม้ว” โฟนอินอ้อน “หางแดง” อยากกลับไปถวายงานในหลวง โม้เตรียมเปิดทีวีเผยแพร่พระราชกรณียกิจไปทั่วโลก เพื่อแสดงความจงรักภักดี เปรียบตัวเองดั่งหนูถูกขับไล่ ต้องหนีไปอยู่โพลง แต่สำนึกคุณแผ่นดิน อยากกลับมากอบกู้บ้านเมืองที่ถูกไฟไหม้ เผย หวังกลับมาตอนอายุ 61 เพื่อทดแทนบุญคุณ “เสื้อแดง” ลั่นหากไม่ได้ตอบแทนคงนอนตายตาไม่หลับ ด้าน “พระสงฆ์” ร่วมขึ้นเวที “แดงถ่อย” มอบรายชื่อถวายฎีกา เปรียบ “นช.แม้ว” ดั่งนกขมิ้นเหลืองอ่อนที่พลัดถิ่น แต่สักวันคงได้กลับมา



วันนี้ (31 ก.ค.) กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้นัดรวมตัวกันที่ท้องสนาม เพื่อร่วมงาน “ถวายฎีกาดับทุกข์ทั้งแผ่นดิน” โดยหวังให้ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมลงชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยและนักโทษคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างหลบหนี เนื่องจากวันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายของการรวบรวมรายชื่อ ก่อนปิดรับรายชื่อในเวลา 24.00 น.ทั้งนี้ เมื่อเวลา 20.30 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอิน มายังเวทีคนเสื้อแดง ว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่โชคดี เนื่องจากมีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่อย่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตรากตรำพระวรกาย บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฎร ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้อาสารับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทมาตลอด ดังนั้น เพื่อสนองบุญคุณแผ่นดิน ตนจึงมีแผนจะทำทีวีออกอากาศไปทั่วโลก ในการเผยแพร่ข้อมูลของประเทศไทยในด้านต่างๆ ดังนี้ 1.ช่องแรก เป็นช่องที่จะนำเสนอพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เผยแพร่ให้ชาวโลกเห็น เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ประเทศที่กำลังพัฒนาจะได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้และพัฒนาประเทศ

“ทีวีช่องแรกนี้ขอทำถวายในหลวง เพื่อแสดงให้เห็นว่าผมมีความจงรักภักดี อยากฝากไปถึงคนที่ว่าผมไม่จงรักภักดี ปากกับใจตรงกันหรือเปล่า แต่ผมไม่สนใจคำพูดดังกล่าว ขอตั้งหน้าตั้งตาทำทีวีช่องนี้ถวายในหลวง เพื่อให้ประเทศของเราสงบสุข ขณะนี้เหมือนประเทศไทยกำลังวิ่งไล่จับหนูตัวหนึ่ง หนูตัวนั้นได้หนีออกจากบ้านมาอยู่โพรงและปรับสภาพได้แล้ว ฝนตกก็ไม่เปียก ในขณะที่คนในบ้านกำลังเดือดร้อน เพราะไฟกำลังไหม้บ้าน คนอยู่ในโพรงไม่เป็นไร เพราะได้เรียนรู้ว่าการอยู่โพรงกับอยู่บ้านไม่ได้แตกต่างกัน แต่ผมอยากช่วยคนในบ้านดับไฟ ไม่ได้มีวาระซ้อนเร้นแต่อย่างใด” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า สำหรับทีวีช่องที่ 2 ต้องการจะพัฒนาสินค้าโอทอป โดยไม่สนใจว่ารัฐบาลชุดนี้ จะให้การสนับสนุนหรือไม่ แต่ตนจะเดินหน้าให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อจะเป็นช่องทางค้าขาย และทีวีช่องที่ 3 เป็นช่องการศึกษา ตนอยากเห็นเด็กไทยมีการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ เด็กบางคนมีชีวิตที่ลำบากยากจน ดังนั้น ตนจะจ้างครูเก่งๆ มาสอน ถ้าครูไทยไม่พอ จะเอาครูต่างประเทศมาสอนด้วย ส่วนทีวีช่องสุดท้ายที่อยากทำเพื่อคนไทย คือ ช่องที่นำเสนอวิถีชีวิตและช่วยเหลือคนจน ซึ่งจะช่วยให้ระดับฐานะของคนจนและคนรวยเท่าเทียมกัน มีการช่วยเหลือกัน อาทิ ถ้าหากคนจนลำบาก เสนอโครงการมาว่าอยากทำอะไร ก็จะหาแหล่งเงินทุนให้ โดยนำมาจากกลุ่มคนรวยที่อยากทำบุญ อยากสละทรัพย์สินของตนเอง เพื่อเป็นทุนช่วยเหลือคนยากจน ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ตนอยากทำให้คนไทย

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงวิถีชีวิตที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ว่า เมื่อวาน ตนตื่นขึ้นมา ก็นั่งสมาธิถึง 1 ชั่วโมงเต็ม โดยมีพระที่นับถือนำเข้าสู่สมาธิ แล้วบอกกับตนว่า หากตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก ให้ลองหลับตาแล้วทำสมาธิ ซึ่งตนก็ทำอย่างที่หลวงพ่อแนะนำ ก็ได้ผล เพราะจิตว่างคิดอะไรก็ออก หลังจากนั่งสมาธิเสร็จแล้ว ได้ไปพบกับนักธุรกิจที่ทำเหมืองเพชร ทำให้ตนรู้สึกสนใจที่จะลงทุน เพราะเป็นธุรกิจที่นำเพชรเลอเบียร์ส่งขายทั่วโลก จึงเกิดไอเดียที่อยากจะหาช่างมือฝีมือไทย มาทำการเจียระไนเพชรดังกล่าว เพื่อส่งขายทั่วโลกเช่นกัน จะเห็นได้ว่าตนทำทุกอย่าง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำไปเพื่อรอว่า เมื่อไหร่ไฟในบ้านจะดับ ตนจะนำความรู้ที่ได้จากต่างประเทศกลับไปพลิกฟื้นประเทศไทย

“พี่น้องครับ ผมไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณพี่น้องอย่างไร วันนี้เห็นภาพบางคนที่มาร่วมงานทั้งๆ ที่สวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรค แต่ก็ยังมีแก่ใจที่จะมา แม้ว่าบางคนต้องเสียค่ารถเยอะ ถ้าไม่ตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ ผมคงนอนตายตาไม่หลับ ดังนั้น คิดว่าถ้ายังมีความรู้ มีประสบการณ์ ยังมีกำลังอยู่ จะกลับไปตอบแทน ตอนนี้ผมอายุ 60 ปีแล้ว ดูแก่ไปเยอะไหมครับพี่น้อง แต่คิดว่ายังพอมีแรงจะกลับไปทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ ทำประโยชน์ให้แก่ในหลวง เชื่อว่า ผลบุญที่พี่น้องทำ จะส่งผลให้ผมได้กลับไปรับใช้พี่น้องให้พ้นทุกข์ ผมมั่นใจว่าจะดึงเงินจากต่างประเทศไปลงทุนในประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกู้ เพราะผมเป็นคนไม่ชอบกู้ ชอบลงทุนมากกว่า” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ตนเห็นการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงแล้วรู้สึกภูมิใจ และถ้าหากสื่อไม่ปิดหูปิดตา จะรู้ว่านี่ คือ ประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมือง ที่คนทุกระดับชนชั้นมารวมตัวกัน เพื่อทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นสยามเมืองยิ้ม เพราะถ้าขืนปล่อยไป ลูกหลานในวันข้างหน้าจะอยู่อย่างไร วันนี้สังคมไทยต้องอยู่กับปัจจุบันและอนาคต ไม่ใช่อดีต ไม่เหมือนกับต่างประเทศที่อยู่แต่กับปัจจุบันและอนาคต แล้วนำอดีตมาเป็นบทเรียนความผิดพลาด ตนขอยกตัวอย่าง เรื่องพี่น้อง บิล เกตส์ เจ้าของไมโครซอฟท์ ที่เคยกล่าวว่า การเกิดมาเป็นคนจนนั้นไม่ผิด แต่ถ้าหากตายทั้งๆ ที่ยังจนอยู่ ถือว่าเป็นความผิดรัฐบาล ที่บกพร่องไม่สามารถทำให้คนพ้นจากความยากจนได้

“วันนี้เหตุที่พูดยาว เพราะรู้สึกตื้นตันใจจริงๆ หวังว่า อีกไม่นานเกินรอคงจะได้กลับไปอยู่ท่ามกลางพวกท่านๆ ทั้งหลาย อีกไม่นานเกินรอจะกลับไปตอบแทนพระบุญคุณพวกท่าน อีกไม่นานจะกลับไปถวายงานในหลวง ให้ทรงสบายพระทัย ขอบอกกับพี่น้อง ว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มันอยากกลับบ้านมาก หวังว่าผมจะได้กลับไปเมื่อตอนอายุ 61 ปี อีกอึดใจเดียวครับ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

ต่อจากนั้น นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง ได้ขึ้นเวทีประกาศว่า ขณะนี้มีพระภิกษุสงฆ์เดินทางมายื่นรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้มีตัวแทนพระภิกษุสงฆ์จำนวน 7 รูป ขึ้นมาบนเวที แต่ไม่บอกว่ามาจากวัดใด พร้อมทั้งกล่าวให้กำลังใจ ว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเปรียบเสมือนนกขมิ้นเหลืองอ่อน ที่อยู่ต่างแดน และขอให้กลับประเทศไทยมาแก้ปัญหาโดยเร็ว รวมทั้งขอให้มีความสุขภาพที่แข็งแรงด้วย

“การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาให้กำลังใจ นายกฯ ทักษิณ ที่ตอนนี้เป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ขอให้กลับประเทศมาโดยเร็ว และขอให้กำลังใจ ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ขอให้แซยิดครั้งนี้เป็นการหงายบาตรเพื่อประชาชนและเพื่อสังคม กลับมาแก้ไขปัญหาให้คนจนด้วย” ตัวแทนพระภิกษุสงฆ์ กล่าว

จากนั้น นายวีระ ได้นำกล่าวคำว่า สาธุ พร้อมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งเสียงโฟนอินมาที่ท้องสนามหลวงอีกครั้ง โดยกล่าวขอบคุณ แล้วอ้อนคนเสื้อแดงให้ฟังเพลงที่ตนร้อง แม้ว่าจะไม่ไพเราะเหมือนกับนักร้องมืออาชีพ แต่ก็ร้องด้วยใจ โดย นายวีระ ได้เปิดมิวสิกวิดีโอคลอไปพร้อมกับเสียง พ.ต.ท.ทักษิณ ในเพลง “ฉันจะกลับมา” จากนั้นเมื่อจบเพลง นายวีระ ได้อวดอ้างถึงปรากฏเหนือธรรมชาติที่คนเสื้อแดงมารวมตัวกันแล้วท้องฟ้าเปิด พร้อมกับเรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมต่อไปจนถึงเวลา 05.00 น.ของวันที่ 1 สิงหาคมนี้ เนื่องจากตลอดทั้งคืนจะมีการขึ้นเวทีปราศรัยของเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงอีกมากมาย

-แกนนำแดงถ่อยขึ้นเวทีประกาศชัยชนะ

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 24.00 น.ที่ผ่านมา นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ขึ้นเวทีประกาศ ว่า การชุมนุมครั้งนี้ ถือว่าเป็นชัยชนะของคนเสื้อแดง ที่ได้ร่วมกันแสดงความยิ่งใหญ่ใน 2 เหตุการณ์ คือ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ และได้มีการจัดงานแซยิดครบรอบ 60 ปี โดยถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีผู้คนมากมายมาแสดงความรักแก่ผู้นำทางการเมือง ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว ทั้งนี้ ขณะนี้ ได้รวบรวมรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แล้วถึงจำนวน 5,300,000 รายชื่อ

"การเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้เป็นการต่อสู้กับระบอบอำมาตยอธิปไตย โดยการร่วมลงชื่อถวายฎีกา ถือเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย เหมือนเป็นการสำรวจประชามติ ว่าคนไทยต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นโทษ และกลับมายังประเทศไทย เพื่อมาช่วยประชาชน นี่แค่ 1 เดือนเท่านั้น ยังได้ตั้ง 5 ล้านกว่ารายชื่อ ถ้ายืดเวลาออกไปอีกสักอาทิตย์อาจจะได้ 19 ล้านรายชื่อ เท่าคะแนนเสียงที่พรรคไทยรักไทย เคยได้รับตอนเลือกตั้งสมัยเมื่อต้นปี 2548" นายจรัล กล่าว

นายจรัล กล่าวต่อว่า ขอให้คนเสื้อแดงมีจิตใจมุ่งมั่น เพราะเชื่อว่าก่อนจะถึงวันยื่นถวายฎีกาจะต้องมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกแน่นอน ซึ่งการลงชื่อถวายฎีกานี้ ขอยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงมีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสียประโยชน์ ถ้าจะเสียก็อาจมีแกนนำ 3 คน ถูกจับ นั่นคือ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แต่ยุทธการของกลุ่มคนเสื้อแดงจะยังคงอยู่ต่อไป จนถึงวันยื่นถวายฎีกา ดังนั้น ต่อไปนี้ต้องคอยจับตาดูความเคลื่อนไหว เนื่องจากจะมีการต่อสู้ทางการเมืองที่ดุเดือดแน่นอน

-"แรมโบ้อีสาน" ชวนวางดอกไม้จันทน์ วันเกิด "มาร์ค"

เมื่อเวลา 01.53 น. "แรมโบ้อีสาน" นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และแกนนำกลุ่มนปช. ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกล่อมคนเสื้อแดง ว่า ในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเกิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์ จะผูกคอตายในวันนั้นหรือไม่ เพราะเห็นภาพเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดง ได้จัดงานวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ขณะนี้อาศัยอยู่ต่างประเทศ โดยเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรี นั่นแสดงให้เห็นถึงความรักของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ

"อะไรๆ มันสะท้อนออกมา อย่างเช่นผลโพล ที่ระบุว่า แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอาศัยอยู่ต่างประเทศ แต่ผลโพลคะแนนความนิยมกลับมีมากกว่า นายอภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่เป็นนายกรัฐมนตรี และที่มีอำนาจล้นมือ มีอำมาตย์คอยดูแล แต่เก่งอยู่ด้านเดียว คือ ทำให้ประชาชนมีฐานะยากจนเท่าเทียมกัน ซึ่งตรงกันข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แม้อาศัยอยู่ต่างประเทศ แต่ก็นั่งอยู่ในหัวใจคนไทยตลอดเวลา นี่คือความแตกต่าง" นายสุภรณ์ กล่าว

นายสุภรณ์ กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ ยังไม่รู้ตัวเองว่าอยู่ในสถานะไหน พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเดินทางลงพื้นที่ไปภาคอีสาน ก็มีแต่คนต้อนรับ โดยไม่ต้องใช้ทีมรักษาความปลอดภัย ไม่ต้องกำลังทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน คอยอารักขา ไม่เหมือนกับ นายอภิสิทธิ์ ที่ไปไหน ต้องใช้กำลังทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต่ำกว่า 5,000 นาย ไปคอยดูแลรักษาความปลอดภัย นี่ขนาดเลือกไปจังหวัดบุรีรัมย์ที่มีบารมีนายเนวิน ชิดชอบ คุ้มกะลาหัว ยังต้องใช้กำลังทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขนาดนี้ โดยเหตุการณ์เมื่อวันนั้น กลุ่มคนเสื้อน้ำเงินได้มีการเข้ามาล้อมกลุ่มคนเสื้อแดงไว้ ด้วยอาวุธที่ครบมือ มาล้อมกันตั้งแต่ 09.00 น. จนถึง 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ ทั้งๆ ที่เป็นจังหวัดบุรีรัมย์แท้ๆ แต่ยังใช้กำลังเจ้าหน้าที่หลายพันนาย ถ้าเกิดเป็นจังหวัดอื่นคงต้องใช้กำลังนับหมื่น นี่คือสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ต้องคิด

"วันเกิดนายอภิสิทธิ์ วันที่ 3 ส.ค.นี้ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา คนเสื้อแดงได้เข้าวัดเพื่อทำบุญเลี้ยงพระให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งสร้างความประทับใจให้อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก แต่ในวันที่ 3 ส.ค.นี้ ทุกคนก็จะไปวัดเช่นกัน แต่แต่งชุดดำเอาดอกไม้จันทน์ไปวางไว้หน้าเมรุให้นายอภิสิทธิ์" นายสุภรณ์ กล่าว

-"ชินวัตร" พล่าม "ยี้ห้อย" ค้านล่าชื่อถวายฎีกา หวังพ้นคุกคดีกล้ายาง

เมื่อเวลา 02.49 น. นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ประธานวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ กล่าวโจมตี นายเนวิน ชิดชอบ ว่า เมื่อกี้ด้านหลังเวที นายณัฐวุฒิ บอกว่ามีใบถวายฎีกาเยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งต้องโทษ นายวีระ ที่ออกมาประกาศเชิญชวนให้กลุ่มคนเสื้อแดง มาร่วมลงชื่อถวายฎีกาจำนวน 1 ล้านรายชื่อ แต่ปรากฏว่ามีคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ มาร่วมลงชื่อเกินเป้าที่วางไว้หลายเท่าตัว ทั้งนี้ ตนจึงตอบกลับ นายณัฐวุฒิและนายวีระไปว่า ไม่เป็นไรที่รายชื่อเกิน 1 ล้านชื่อ ไม่ใช่เรื่องน่าเครียด แต่คนที่ต้องเครียด คือ นายเนวิน ชิดชอบ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีข่าวว่าผูกคอตายหรือไม่ เพราะเมื่อวันก่อนได้เรียกให้แท๊กซี่มารวมตัวที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อต่อต้านการล่ารายชื่อถวายฎีกา ซึ่งในวันจริง มีแท๊กซี่มาเพียงแค่ 300 คันเท่านั้น นับเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ทางกรมขนส่งทางบก ได้เรียกผู้ประกอบการแท๊กซี่ มาตกลงให้นำรถในสังกัดมารวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปฯ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งแท้จริงแล้วทั่วประเทศมีแท๊กซี่จำนวน 8 หมื่นคัน แต่วันจริงมาแค่ 300 คันเท่านั้น สำหรับสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุด คือ รถแท๊กซี่ที่ไปในวันนั้น กว่า 70% เป็นผู้ที่มาร่วมลงชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ

"เหตุที่นายเนวินต้องทำเช่นนี้ เพราะไม่มีทางเลือกทางอื่น เนื่องจากไม่ได้เกิดมามีต้นทุนทางความดี พอมาเล่นการเมืองก็เป็นต้นตำรับ ยี้ เป็นรัฐมนตรี ก็โดนเรียกรัฐมนตรีเต้าหู้ยี้ จนถูกแต่งเพลงล้อเลียน ถามว่าตั้งแต่เล่นการเมืองมา นายเนวินมีอะไรดีบ้าง จนสื่อมวลชนขนานนามให้ว่า ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ ชื่อพม่า หน้าลาว ว่าวเขมร เวลาพูดก็ปากห้อย นี่คือฉายาของนายเนวิน" นายชินวัตร กล่าว

นายชินวัตร กล่าวต่อว่า นายเนวิน ด้อยค่าเรื่องต้นทุนความดีแล้ว ยังด้อยค่าเรื่องต้นทุนทางสังคม พึ่งมากระเตื้องลืมตาอ้าปากได้ก็ช่วงที่มาทำงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาช่วยเดินสะพายย่ามตามก้น พอมีชื่อเสียง สุดท้ายก็กระโดดไปอุ้มโจรเป็นรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้าวันชุมนุมครั้งนี้ ตนได้ทราบข่าวมาว่า นายเนวินมีแผนจะนัดคนเสื้อน้ำเงินไปรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปฯ เพื่อมาปิดล้อมสนามหลวง

"จำเหตุการณ์ที่เสื้อแดงชุมนุมครั้งใหญ่ได้หรือไม่ ที่มีภาพคนเสื้อแดงเอารถแก๊สไปจอดไว้หน้าแฟลซดินแดง ตนมองก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า รถแก๊สคันดังกล่าว ไม่มีแก๊สอยู่ภายใน แต่ฝ่ายตรงข้ามพยายามสร้างสถานการณ์ให้เห็นว่า คนเสื้อแดงกำลังจะเผาบ้านเมือง จากนั้น เมื่อครั้งที่ นายอภิสิทธิ์ ลงพื้นที่ใน จ.บุรีรัมย์ กลุ่มคนเสื้อน้ำเงินก็ใช้รถแก๊สมาปิดล้อมคนเสื้อแดงนานกว่า 7 ชม.อีก" นายชินวัตร กล่าว

นายชินวัตร กล่าวต่อว่า เหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยขยันขันแข็งในการต่อต้านการล่ารายชื่อถวายฎีกา เพราะต้องการเอาความดีความชอบ แสดงให้คนเห็นว่าพรรคมีความจงรักภักดี ซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ชี้ชัดว่า เป็นการดึงฟ้าลงมาต่ำ ดึงมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทั้งหมดนี้ เนื่องจาก ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญา ฝ่ายผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะตัดสินคดีทุจริตกล้ายาง ซึ่งนายเนวิน มีส่วนเกี่ยวพันด้วยและอาจจะถูกจับติดคุก ดังนั้น จึงต้องสร้างผลงานให้ใครๆ เห็นว่ามีความดี ทำประโยชน์เพื่อแผ่นดิน อาจรอดพ้นจากคดีนี้ได้

"นายเนวิน อาจต้องการเอาใจพวกอำมาตย์ ทำให้เห็นว่าตนเองทำความดีความชอบ ซึ่งการที่พรรคภูมิใจไทย ไปรณรงต์ต่อต้านการถวายฎีกา ทำเหมือนว่ามีความจงรักภักดี นับได้ว่าเป็นการดึงสถาบันลงมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพื่อโฆษณาพรรคตัวเอง ทั้งๆที่ผ่านมา นายเนวินไม่เคยทำความดีเลยสักอย่าง ดีแต่ทรยศและเนรคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ" นายชินวัตร กล่าว

-"วีระ" ขึ้นเวทีตอนรุ่งสาง จวกนักวิชาการ ขวาง "หางแดง" ยื่นฎีกา

เมื่อเวลา 04.30 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง ได้ขึ้นเวทีอีกครั้ง เพื่อปราศรัยในช่วงสุดท้าย โดยกล่าวว่า ยังมีอีกหลายประเด็นที่อยากกราบเรียนผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ในประเด็นแรก คือ ภาพการชุมนุมครั้งนี้ จะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก นับเป็นภาพที่มีความหมายและมีความศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนทุกภาคส่วน ทุกชนชั้น มาร่วมกันแสดงพลัง เพราะต้องอย่าลืมว่าคนเสื้อแดง คือ กลุ่มคนรากหญ้า ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ดังนั้น ต้องอย่าลืมนึกถึงบุญคุณคนเสื้อแดง

นายวีระ กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมา คือ เมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา ได้มีการนับยอดรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยยอดล่าสุดได้ทั้งหมด 5,429,143 รายชื่อ ซึ่งตนรู้สึกตกใจ ที่มีรายชื่อมากมายขนาดนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ส่วนกรณีที่มีพระภิกษุสงฆ์ เดินทางมายื่นรายชื่อเพื่อร่วมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษด้วยนั้น ตนต้องขอบอกว่า รายชื่อดังกล่าวไม่สามารถเอามารวมกับฎีกาครั้งนี้ได้ เนื่องจากตอนแรกที่ทำหนังสือทูลเกล้าฯ แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้ระบุรวมถึงพระภิกษุสงฆ์ด้วย ดังนั้น จึงนำมารวมกันไม่ได้ แต่ตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับทางแกนนำฯ คนอื่น ว่าจะนำรายชื่อจำนวนนั้นไปใช้ขับไล่องคมนตรีต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ปรึกษากันก่อน

"ตัวเลขเหล่านี้เนรมิตไม่ได้ จะจ้างคนให้มาลงชื่อก็ไม่ได้ แต่ที่คนเสื้อแดงทำได้ เพราะเป็นสิ่งที่อยากทำ โดยหากมีการยืดเวลาออกไปอีก 15 วัน เชื่อว่ายอดอาจทะลุถึง 15 ล้านรายชื่อก็ได้ แต่ที่ต้องดำเนินการเพราะเรื่องดังกล่าวถูกตั้งกรอบเวลาไว้ตั้งแรก ว่าต้องกระทำตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. จนถึงวันที่ 31 ก.ค.นี้ ซึ่งก็ดำเนินขั้นตอนดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์แล้ว" นายวีระ กล่าว

นายวีระ กล่าวถึงกรณีที่มีอธิการบดีหลายมหาวิทยาลัย ออกมาร่วมกันต่อต้านการล่ารายชื่อถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ตนไม่ได้สนใจนักวิชาการพวกนี้ เพราะในเวลาที่ทหารทำลายประชาธิปไตย และฉีกรัฐธรรมนูญ พวกนี้ไม่เคยปริปากออกมาพูด ยังมีหน้าเข้าไปแย่งตำแหน่ง แย่งหน้าที่กันในรัฐบาล รับใช้อำนาจเผด็จการ ซึ่งถือว่าพวกนักวิชาการพวกนี้เป็นผู้เนรคุณคนไทยทั้งชาติ

ต่อจากนั้น นายวีระ ได้อ่านรายละเอียดหนังสือกราบบังคมทูลฯ แล้วกล่าวว่า เหตุที่ต้องอ่านหนังสือดังกล่าวทุกถ้อยคำ เนื่องจาก มีนักวิชาการจำนวนหนึ่งออกมาระบุว่าหนังสือกราบบังคมทูลฉบับนี้เป็นเพียงการเล่าความทุกข์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ไม่ได้เป็นหนังสือยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งตนรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความเห็นดังกล่าว เพราะนักวิชาการพวกนี้มีพฤติกรรมชอบสุมหัวกัน เข้าพวกกับพวกเผด็จการ

"ภารกิจของคนเสื้อแดงยังไม่จบ ในเดือนสิงหาคมนี้ จะต้องช่วยกันผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงผลักดันให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยในประเทศไทย  แต่ภารกิจหลักที่สำคัญที่สุด คือ การขับไล่รัฐบาลที่มาด้วยความไม่ชอบธรรม โดยจากนี้ต่อไป กลุ่มคนเสื้อแดงต้องไปขยายเครือข่ายให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อจะได้ออกมาแสดงพลังร่วมกันในครั้งต่อไป" นายวีระ กล่าว

ต่อจากนั้น นายวีระได้นำผู้ชุมนุมร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และกล่าวอวยพรพร้อมขอบคุณคนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุม นับเป็นการปิดเวทีที่ท้องสนามหลวง เมื่อเวลา 05.00 น.
รายชื่อฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นช.ทักษิณ
รักและเทิดทูนพ่อนกขมิ้นเหลืองอ่อนตัวนี้เหลือเกิน
เวที แดงถ่อย ที่ท้องสนามหลวง
กำลังโหลดความคิดเห็น