“สมชัย” ขาประจำแจงเหตุลงมติเสียงข้างน้อยเห็นควรยุบ พผ.เพราะเชื่อว่าคุณสมบัติความเป็น กก.บห.พรรคของ “นพดล” เกิดตั้งแต่พรรคคัดเลือก ยกเทียบเคียง กก.บห.ตาย หรือการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ในสภา ชี้ ความผิดทุจริตชัดกว่าเมื่อครั้งมีคำวินิจฉัย “ยุทธ ตู้เย็น”
วันนี้ (31 ก.ค.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติยกคำร้อง นายนพดล พลซื่อ อดีต ส.ส.เขต 3 ร้อยเอ็ด และอดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน ขณะกระทำความผิดของ นายนพดล ยังไม่มีสถานะเป็นกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากนายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่ได้ตอบรับ ทำให้การเป็นกรรมการบริหารพรรคจึงยังไม่สมบูรณ์ ว่า กรณีดังกล่าวตนเป็นเสียงข้างน้อย โดยมองว่า ความเป็นกรรมการบริหารพรรคของ นายนพดล เกิดขึ้นนับแต่ที่ประชุมใหญ่ของพรรคคัดเลือก การตอบรับของนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นเพียงการยืนยันว่าขั้นตอน กระบวนการในการดำเนินการคัดเลือกให้เป็นกรรมการบริหารพรรคว่าถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เมื่อนายทะเบียนตอบรับก็เท่ากับว่าเป็นผลสมบูรณ์ ซึ่งก็จะมีผลย้อนหลังกับไปถึงวันที่ได้รับคัดเลือก แต่หากกระบวนการในการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคไม่ถูกต้อง นายทะเบียนไม่ตอบรับตามที่กฎหมายกำหนด ผลคือนายนพดลก็ไม่ถือเป็นกรรมการบริหารพรรคการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้น พรรคไม่ต้องรับผิดชอบ
นายสมชัย กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวเทียบเคียงได้กับการตายของกรรมการบริหารพรรคคนหนึ่ง ที่จะถือเอาวันที่ตายมีผลสมบูรณ์ให้ความเป็นกรรมการบริหารพรรคสิ้นสุดลง ไม่ใช่นับเอาวันที่นายทะเบียนตอบรับ หรือกรณีของการนับวาระของการดำรงตำแหน่ง ส.ส.ในสภา 4 ปี ที่เรานับจากวันเลือกตั้ง แม้ กกต.จะมาประกาศภายหลังก็ตาม
“ผมจึงเห็นว่า การกระทำของนายนพดลนั้น เป็นการกระทำผิดขณะที่เป็นกรรมการบริหารพรรคแล้ว เนื่องจากได้รับเลือกให้เป็นกรรมการบริหารพรรค ประกอบกับเวลานั้นก็มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว ถึงแม้นายทะเบียนพรรคการเมือง จะตอบรับภายหลังที่ได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ของพรรค การตอบรับของนายทะเบียน ก็เท่ากับเป็นการรับรองความเป็นกรรมการบริหารพรรค ของ นายนพดล นั้น ถูกต้องตั้งแต่วันที่ นายนพดล ได้รับคัดเลือกให้เป็นรองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน เพราะฉะนั้นการทุจริตเลือกตั้งของนายนพดล จึงเป็นการทำในฐานะกรรมการบริหารพรรค ที่พรรคต้องรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เป็นเหตุให้ต้องเสนอยุบพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยกรณีนี้ผมยังเห็นว่าเป็นการกระทำที่ชัดกว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช เสียอีก แต่เมื่อ กกต.มีมติเสียงข้างมากให้ยกคำร้องก็จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต”
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการยกคำร้องในกรณีดังกล่าวเป็นมติ 3 ต่อ 2 โดยเสียงข้างน้อย คือนายสมชัย และ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง