“เทือกสุบรรณ” พ่ายนายกเล็ก สะเทือนกันทั้งบาง!!

แม้ว่านาทีนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนนักว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้คนที่มีนามสกุล “เทือกสุบรรณ” อย่าง “ดำรงค์ เทือกสุบรรณ” ที่เป็นเครือญาติกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงต้องพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งซ่อมนายกฯ อบจ.สุราษฎร์ธานี ให้กับผู้สมัครรายอื่นอย่างเหนือความคาดหมาย

นอกเหนือจากนี้ยังมีผู้สมัครที่เคยเป็นอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานีหลายสมัยอย่าง ประวิช นิลวัชรมณี ก็ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูปไปอีกคน

และที่น่าสนใจอีกก็คือในการเลือกตั้งดังกล่าวจากผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการพบว่ายังมีผู้ไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใครอีกเกือบ 2 หมื่นคะแนน มันก็สะท้อนอะไรบางอย่างได้อย่างน่าคิดไม่น้อย

การเลือกตั้งนายกฯ อบจ.สุราษฎร์ธานี ได้ถูกจับตามอง เพราะเป็นการเลือกตั้งซ่อมแทน ธานี เทือกสุบรรณ ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบเหลือง เนื่องจากทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ในที่สุด ธานี ก็ได้รับการสนับสนุนมาลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 แทน สุเทพ เทือกสุบรรณ พี่ชาย ที่ได้ลาออก หลังถูก กกต.ชี้มูลความผิดกรณีถือครองหุ้นในบริษัทคู่สัมปทานกับรัฐ

ซึ่งการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 ทาง กกต.เสนอให้รัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งในวันที่ 30 สิงหาคมนี้

หากกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ในพื้นที่เลือกตั้งสุราษฎร์ธานี ถือว่าเป็นเขตอิทธิพลของตระกูล “เทือกสุบรรณ” ของอดีต กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างไม่ต้องสงสัย และหากพิจารณาตามสถิติทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการเมืองระดับท้องถิ่น เรื่อยมาจนถึงระดับชาติ หากมีคนนามสกุลเทือกสุบรรณ ลงเลือกตั้งก็มักจะไม่ผิดหวัง

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการหาเสียงคาบเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์มาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

หากกล่าวเฉพาะการเลือกตั้งนายกฯอบจ.สุราษฎร์ธานี ที่ ดำรง เทือกสุบรรณ พ่ายแพ้ต่อ “มนตรี เพชรขุ้ม” ผู้สมัครอิสระ ที่เป็นญาติกับ วรพจน์ เพชรขุ้ม นักชกเหรียญเงินโอลิมปิกปี 2547 ด้วยคะแนน 111,776 ต่อ 113,340 คะแนน

แม้ว่าผลคะแนนจะไม่ต่างกันมานัก ยังถือว่าสูสี แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าพ่ายแพ้การเลือกตั้งนั่นเอง

นอกจากนี้หากพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ อาจพบว่าสาเหตุการพ่ายแพ้ของเครือข่ายเทือกสุบรรณ มาจากการแตกคอกันเองระหว่าง “ขาใหญ่” ของประชาธิปัตย์ในพื้นที่ ระหว่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค ซึ่งในการเลือกตั้งในสนามเล็กดังกล่าว บัญญัติ ส่งสัญญาณเชียร์ ประวิช นิลวัชรมณี

ผลก็คือ ทำให้ตัดคะแนนเสียงกันเอง เพราะผลการนับคะแนน ประวิช ได้มาเป็นอันดับ 3 จำนวน 72,136 คะแนน

นั่นเป็นเรื่องผลทางการเมืองเฉพาะหน้า ที่ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ย่อมสะเทือนต่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะรองนายกฯ ด้านความมั่นคง และพรรคประชาธิปัตย์โดยรวม แม้ว่าเจ้าตัวจะรีบออกตัวว่า ดำรง เทือกสุบรรณ ไม่ใช่ตัวแทนของตระกูล เป็นการลงสมัครในนามส่วนตัว และไม่เคยไปช่วยหาเสียงก็ตาม

ทำนองบอกให้รู้ว่า “นี่ขนาดไม่ได้ช่วยเหลืออะไรยังได้คะแนนมาถึงขนาดนี้” อะไรประมาณนั้น แต่ในภาพกว้างรับรองว่าตรงกันข้ามแน่นอน เพราะอย่างน้อยต้องเกิดเสียงวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา และดีไม่ดีก็อาจเป็นการชี้นำไปถึงการเลือกตั้งซ่อมที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ก็เป็นได้

ต้องไม่ลืมว่า การเคลื่อนไหวของ สุเทพ ย่อมถูกจับตามองทุกฝีก้าว ยิ่งในยุคที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯด้านความมั่นคง รับมอบอำนาจนายกรัฐมนตรี มากำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยิ่งถูกจับตามองมากขึ้นไปอีก

โดยเฉพาะในช่วงที่การคลี่คลายคดีลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังเดินหน้าสาวไปหาตัว “บิ๊กโม่ง” ผู้บงการอยู่แล้ว แต่จู่ๆดันมาสะดุดหัวทิ่มแบบกะทันหัน

ที่สำคัญ ทั้ง สุเทพ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดันถูกสังคมตั้งขอสงสัยว่าอาจเป็น “ตอหนึ่ง” และ “ตอสอง” ตามลำดับ ทำให้สังคมหงุดหงิด โดยเฉพาะจากบรรดา “เสื้อเหลือง” ทั้งหลาย เพราะก่อนหน้านี้ออกอาการ “อุ้ม” กันจนผิดปกติ

อย่างที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า นอกจากการคลี่คลายคดีลอบสังหาร สนธิ ลิ้มทองกุล แล้ว บทบาทของ สุเทพ ในฐานะรองนายกฯด้านความมั่นคงในสายตาชาวบ้าน บอกตรงๆว่า “ไม่น่าประทับใจ” โดยเฉพาะในทางภาคใต้ที่รับรู้กันว่ามีความตื่นตัวสูง เริ่มออกอาการให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นแม้ว่าการพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งนายกฯเล็กที่สุราษฎร์ธานี ของผู้สมัครที่มีนามสกุล “เทือกสุบรรณ” ยังไม่อาจสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ก็ตาม แต่รับรองว่าจะต้องสะเทือนไปไกลถึงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สุราษฎร์ฯ เขต 1 ซึ่งน้องชายของ สุเทพ ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้นคอยมาดูผลคะแนนกันอีกที !!