งานวันเกิด เบิร์ธเดย์นักโทษ ผ่านไปเรียบร้อย และสมใจนึกคนบ้ามหกรรมงานสร้าง เรื่องเล็กๆไม่ เรื่องใหญ่ๆถนัดนัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลอกตัวเองสำเร็จอีกครั้ง
แต่ที่ต้องขอบอกกันไว้ แม้ว่าจะสายไปที่จะเตือนสติกันแล้วก็ตาม กลุ่ม“คนเสื้อแดง” ที่คลั่งกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา บ้าไปตามสโลแกนเป่าหู“เพลทั้งแผ่นดิน”
ก่อกรรมทำเข็ญ สร้างเวรสร้างกรรมทั้งแผ่นดินเสียมากกว่า!
เพราะถ้าเป็นจิตกุศลก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพุทธศาสนิกชนคนไทยโดยทั่วไป ในการการทำบุญทำทานในวันคล้ายวันเกิด เพียงแต่งานนี้ มีข้อสังเกตและเสียงท้วงติงกันมากมาย
โดยเฉพาะจากพระสงฆ์องค์เจ้าระดับพระเถรผู้ใหญ่ ให้ระวังในการประกอบพิธีกรรมงานบุญ กับเรื่องการประกอบพิธีแก้กรรม จะเป็นไสยศาสตร์ วิชาการด้านมืดที่แทรกซ้อนแอบแฝงเข้ามา
แม้แต่ “หลวงพ่อคูณ”ยังต้องเผ่นจากวัดบ้านไร่เพื่อเลี่ยงรับกิจนิมนต์ ให้พรผ่านสายโทรศัพท์ที่ทักษิณโทรข้ามประเทศ
“โฟนอินทักษิณ” หวังใช้พระเป็นเครื่องมือ!
ไม่เพียงผิดปกติกับงานทำบุญวันเกิดของคนทั่วไป การเอาเรื่องความเชื่อทางไสยศาสตร์มาปนกับงานทำบุญ และยังไม่เคยพบเคยเห็นการทำบุญวันเกิดงานใดที่จะสร้างความแตกแยกให้กับบ้านเมืองได้เท่านี้
แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า ยังโดนพิษงานวันเกิดทักษิณ สร้างความแตกแยก
นอกจากนี้ งานนี้งานเดียวแสดงถึงเจตนา คนอย่าง “ทักษิณ”เหิมเกริมแค่ไหน เพราะที่สั่งให้จัดงาน ติดโปสเตอร์ ป้ายเชิญชวนทำบุญ ใช้คำที่บ่งบอกเจตนาไม่บริสุทธิ์ “ล้านดวงใจ” ยกตัวเทียบฟ้า
ถ้าไม่ถึก ไม่เผลอกินหญ้าที่รับแจกไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายกันไปก่อน คนเสื้อแดงลองนึกคิดกันดีๆด้วยสติและปัญญา พฤติกรรม“ทักษิณ” บังควรหรือไม่?
ต้องเลิกคลั่งจนไม่ลืมหูลืมตา ถูกปั่นหัวหลอกใช้ ฝังความเชื่ออย่างมงาย สู้เพื่อทักษิณ เท่ากับสู้เพื่อประชาธิปไตย หลอนตัวเองไม่เลิก!
โดยเฉพาะถัดจากรายการนี้ คนบาปในคราบนักบุญ กำลังจะเดินเกมผ่านกลุ่มคนเสื้อแดง นำรายชื่อประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการประกาศว่ามีถึง4-5ล้านรายชื่อไว้พร้อม
อย่ามองเพียงเจตนาบริสุทธิ์ด้วยตื้นเขิน เพราะนี่คือการเหิมเกริมช็อตต่อไปของพ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านไพร่ทาสอำนาจเงิน เพราะการยื่นฎีกา เพื่อให้นักโทษชายหนีคุก พ้นโทษ ทั้งที่ยังไม่ยอมรับโทษทัณฑ์กบิลเมือง
นอกจากเป็นไปไม่ได้ตามบทบัญญัติของกฎหมาย แม้แต่ประเพณีอันดีงามของคนไทย ก็ไม่เคยมีใครทำกัน
ที่สำคัญในการสั่งการรายชื่อเพื่อขออภัยโทษครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นกลอุบาย มีเป้าหมายแอบแฝงจากคนมากเล่ห์อุบาย ใช้กระแสประชาชนกดดัน บ่อนทำลายสถาบันสำคัญของชาติ
หากทักษิณไม่ได้มีเจตนาอย่างที่มีการตั้งข้อสงสัย ก็ควรจะสั่งให้ยุติเรื่องนี้ ไม่ใช่อ้างว่า เป็นเรื่องของคนเสื้อแดงคิดเองทำ
ที่สำคัญที่ต้องเรียกร้อง ถามหาจิตสำนึก คือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ในฐานะอดีตภริยา ถึงจะเลิกรากันทางกฎหมา จะโทรติดต่อกันได้ หรือผ่านลูกๆ สะกิดเตือน “ทักษิณ” ที่เคยร่วมเตียง เป็นคู่คิดกันมา 30 กว่าปี
อดีตเมียสะกิดเตือน ผัวเก่าก็ย่อมฟังกันบ้างอยู่แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นก็มองได้ว่า “คุณหญิงพจมาน”เอง ก็รู้เห็นเป็นใจ
เห็นด้วยกับการปฏิบัติอันมิบังควรในครั้งนี้ของอดีตสามี?
กระนั้นก็ดี ถึงขั้นนี้ ระดมรายชื่อเพื่อยื่นแล้ว จะไปห้ามปรามคนพวกนี้ก็คงไม่เป็นผล โดยเฉพาะคนเสื้อแดงที่รักจนหลง คลั่งจนไร้เหตุไร้ผล
หรือกระทั่งคนในครอบครัว“ชินวัตร-ดามาพงศ์-วงศ์สวัสดิ์” ก็คงไม่รับฟังเสียงทักท้วงใดๆ เพราะต่างก็รู้เห็นเป็นใจ อยากให้นายใหญ่ของระบอบทักษิณกลับมาอยู่แล้ว
เมื่อทักษิณเหิมเกริม และเลือกใช้สไตล์ถนัด กับเกมปริมาณตัวเลข ระดมเสียงสนับสนุน อีกทางหนึ่งผู้คนที่มองแตกต่าง คัดค้านการล่ารายชื่อถวายฎีกาดังกล่าว ก็คงต้องช่วยกันออกแรง
ส่งสัญญาณให้ทักษิณและคณะรับรู้ว่ามีคนไม่เห็นด้วย แม้หากจำเป็นจะต้องสู้ด้วยเรื่องจำนวน ปริมาณ และตัวเลข
จริงอยู่ เรื่องนี้อาจจะยิ่งทำให้เกิดความแตกแยก ขยายรอยร้าวในบ้านเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างมากอยู่ในขณะนี้ แต่การเพิกเฉย ปล่อยให้ฝ่ายหนึ่งกระทำการมิบังควรแต่ฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกต้อง
การสร้างความสมานฉันท์เกิดได้ด้วยความพร้อมใจของทุกฝ่าย ไม่ใช่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจ้วงเอาๆ ต้องทนนิ่งยอมรับสภาพ เพราะไม่อยากทะเลาะเบาะแว้ง ทั้งที่อีกฝ่ายถึงขั้นจะเผาบ้านเผาเมืองแล้ว
ฉะนั้น การใช้เรื่องปริมาณและตัวเลข เอาจำนวนคนมาเป็นเกม เพื่อกระทำการมิบังควรกระทบไปถึงสถาบันเบื้องสูงอย่างเห็นได้ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ไม่อยากให้เกิดการกระทำการอันไม่ควรดังกล่าว จะต้องตื่นตัว
จะมามัวเพิกเฉย ธุระไม่ใช่ หรือที่พลิ้วไหวไปตามสถานการณ์ จะอะไรก็ช่างขอให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยไม่ได้
และไม่ใช่หน้าที่เพียงรัฐบาล ที่วันนี้ก็ได้ทำได้เพียงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและข้าราชการที่เกี่ยวข้องออกมาแจกแจงขั้นตอนกระบวนการยื่นถวายฎีกาเพียงเท่านั้น
และไม่ใช่หน้าที่เฉพาะของกลุ่มคนเสื้อเหลืองกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ใช่แค่หน้าที่ของสื่อมวลชน แต่มันเป็นภาระหน้าที่ของคนทั้งชาติ ที่จะร่วมกันปกปักษ์รักษา ป้องกันภยันตรายใดๆที่จะกระทบกระเทือนถึงสถาบันสำคัญของประเทศชาติ
วันนี้อยากถามว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ อยู่กันสบายดีหรือ รัฐบาล รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ข้าราชการ กองทัพ ทหาร ตำรวจ หรือขั้วอำนาจทางการเมือง ทำอะไรกันอยู่
โดยเฉพาะที่ถูกมองว่ามีความต้องการที่จะสร้าง “ขั้วอำนาจใหม่” เพราะมองว่าขั้วอำนาจของระบอบทักษิณ เสื่อมทรุดและใกล้ตายแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะหากตาย ก็ยังกลายเป็นผีตามหลอกหลอน และเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองขึ้นทุกที
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ตำรวจ กองทัพ หากอยากจะเข้ายึดครองอำนาจ ก็มีช่องทางและโอกาสตามระบบ โดยสิ่งสำคัญคือต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็น โดยการปฏิบัติ
โดยเฉพาะหน้าที่ของทหาร ในการรักษาความมั่นคงดำรงอยู่ของประเทศชาติ ปกป้องต่อสู้จากภัยอันตรายใดๆ ที่จะมากระทบกระเทือน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
หากทำหน้าที่ให้ดี ก็ย่อมจะมีเสียงเชียร์คะแนนนิยม วัดกันที่ผลงาน ดีกว่ามัวแต่จะคิดกลเกม วางหมากวางแผน เพื่อเข้าสู่อำนาจ ที่ถึงแม้จะยึดครองได้เบ็ดเสร็จเพียงใด อยู่ไปบนซากปรักหักพัง ก็ไม่มีวันมีความสุข
ศรัทธาประชาชนหนุน ดีกว่าใช้รถถังและกระบอกปืนค้ำบัลลังก์!
นอกจากนี้ ผู้คนที่เป็นหลักให้บ้านเมืองให้เมือง โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ นักวิชาการ นักคิด นักวิเคราะห์ ในกลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้ง 40 ส.ว. กลุ่มสยามสามัคคีที่นำโดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ภารกิจของชาติมาถึงแล้ว
ที่เริ่มขยับออกมา ดร.วิษณุ เครืองาม ที่พยายามรวบรวมนักวิชาการด้านกฎหมายออกมาชี้แจงกระบวนการขั้นตอน คัดค้านการยื่นฎีกา แต่ก็ยังโดดเดี่ยวเกินไป ไม่มีพลังเพียงพอ ดังนั้นต้องอาศัยความร่วมมือขององค์กรอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มรักษ์เมืองไทยของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่วันนี้ ถังความคิดทางวิชาการ ตามเป้าประสงค์ของกลุ่มที่ตั้งขึ้น งานวิชาการ บทวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ จะไม่มีประโยชน์ใดๆเลย ถ้าบ้านเมืองต้องล่มสลายไปเสียก่อน
กลุ่มสถาบันพระปกเกล้า ที่เคยร่วมกับสมาคมนักข่าวฯ ตีปี๊บรณรงค์ “หยุดทำร้ายประเทศไทย” ไม่ใช่มีหัวคิด ทำได้แค่เพียง ตระเวนแจกใบปลิว โปสเตอร์ ป้ายรณรงค์ หรือสกรีนเสื้อออกคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ให้คนซื้อไปสะสม
วันนี้ “ศัตรูของชาติ”ที่ทำร้ายประเทศไทย ปรากฏตัวเด่นชัดแล้ว จะมัวมาห้ามทะเลาะเบาะแว้ง คำก็สมานฉันท์ สองคำก็รักกันไว้เถิด สามคำก็หยุดทำ มีประโยชน์อะไร
โดยเฉพาะวันนี้ เมื่อ น.ช.ทักษิณ และเครือข่ายคนเสื้อแดงยังไม่ยอมยุติ ใช้รูปแบบการเดินเกม ด้วยการเอาเรื่องปริมาณตัวเลขเข้าโรมรัน ก็ต้องต่อต้านคัดค้านกลับไปบ้าง
ด้วยเรื่องตัวเลข และปริมาณ แบบ“เกลือจิ้มเกลือ”
ต้องขอแรง หน่วยงาน องค์กรต่างๆ หากจำเป็นต้องรวบรวมเสียง ล่ารายชื่อของประชาชนทั่วไป ก็ต้องทำ เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ย่อมไม่เห็นด้วยกับการกระทำอันจ้วงจาบหยาบช้า หมิ่นเหม่กระทบสถาบัน อันเป็นที่เคารพรักของคนไทย
ที่รวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อยื่นฎีกา 3-4ล้านรายชื่อ แต่คนที่คัดค้านเป็นจำนวน 10-20ล้านก็ย่อมทำได้ ถ้าหากจะทำกันจริงจัง
ต้องช่วยกันส่งเสียงดังๆ ให้ระบอบทักษิณ และเครือข่ายได้รับรู้ ประเทศไทยนี้เป็นของทุกคน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หรือพวกคุณ!
ความเป็นประเทศ ต้องประกอบไปด้วย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่อย่างที่ฝังหัวให้งมงาย “ทักษิณ”คือทั้งหมด
ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันปกปักษ์รักษาความมั่นคงของประเทศ และสถาบันสำคัญของบ้านเมือง ก่อนที่จะถูก “ศัตรู”ของประเทศจะทำลายล้าง จนสูญสิ้นความเป็นชาติ!!