“จาตุรนต์” เปิดตัวหนังสือเสียงการเมืองเล่มแรก เตรียมส่งวิทยุชุมนุมช่วยขยายเสียง อ้างหวั่นถูกปิด จวกรัฐบาลดื้อไม่ยุบสภาง่ายๆ หลังพ่ายเลือกตั้งซ่อม 2 หน จี้รัฐมนตรีดันแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นบวกแก้มาตรา 291 พร้อมตั้ง ส.ส.ร.3 สอน “มาร์ค”กร้าวบริหารประเทศแบบเลิกเกรงใจพรรคร่วม รบ.ได้แล้ว
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่โรงแรมเอเชีย เมื่อเวลา 10.30 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เปิดตัวหนังสือเสียง (Audio Book) เรื่อง “ความจริงวิกฤตประชาธิปไตย 27 ประเด็นที่สังคมไทยต้องการคำตอบ” ซึ่งเป็นหนังสือเสียงการเมือง เล่มแรกของประเทศไทย อยู่ในรูปแบบของแผ่นซีดี สามารถใช้เครื่องเล่น VCD / DVD / MP3 ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ในการรับฟังเนื้อหา สำหรับการผลิตครั้งนี้ภายใต้การควบคุมของ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ให้เสียงบรรยายโดย จิราภรณ์ สุมณศิริ และจอม เพชรประดับ ซึ่งนายจาตุรนต์กล่าวว่า การเปิดหนังสือเสียงเพราะเห็นว่าได้รับความสนใจมากกว่าหนังสือเล่มและตั้งใจเผยแพร่ผ่านวิทยุชุมชน แต่ยังมีอุปสรรคที่วิทยุชุมชนเกรงถูกปิดเนื่องจากอยู่ในช่วงจดทะเบียนกับรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเปิดตัวหนังสือเสียง มีการเสวนาเรื่องวิกฤตประเทศไทย กับการพูดข้างเดียวของรัฐบาล โดยมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นพิธีกร โดยนายจาตุรนต์กล่าวว่า วิกฤตการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ว่า การบริหารงานของรัฐบาลต้องบริหารท่ามกลางวิกฤต แต่เป็นวิกฤตการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจที่แตกต่างจากปี 40 และไม่ได้มาจากสาเหตุเดียวกัน ที่ผ่านมายังไม่เห็นภาพการทำงานอย่างเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง กินตัวเองไปเรื่อยๆ และความพอใจก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะไม่ใช่แค่ไม่พอใจรัฐบาลเท่านั้น แต่ประชาชนจะไม่พอใจไปถึงระบบ ที่เกิดจากกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
“จึงขอให้นายกรัฐมนตรีกล้าตัดสินใจ ศึกษาข้อมูลให้มากขึ้น แก้วิกฤตของประเทศโดยไม่ต้องเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดศรีสะเกษ กับสกลนคร สะท้อนว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่พร้อม นายกฯ น่าจะจับไต๋ได้แล้วว่า ไม่ต้องการให้มีการยุบสภาในเร็วๆ วันนี้ เพราะหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นบางพรรคอาจหายไป ดังนั้นนายกฯ ต้องกล้าตัดสินใจ แม้จะต้องขัดใจใครบ้างก็ตามก็ต้องทำ ไม่ต้องกลัวพรรคร่วมตีรวน รัฐบาลจะไม่ยอมยุบสภาง่ายๆ แต่จะดื้ออยู่ไปเรื่อยๆ เพราะรัฐบาลต้องการเวลาในการเตรียมความพร้อมหลายเรื่อง ซึ่งส่วนตัวอยากให้แก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภา เพราะถ้าไม่แก้ประเทศชาติจะอยู่ไม่ได้ เพราะการเมืองจะไม่มีเสถียรภาพ และถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ วันหนึ่งทหารอาจกลับมารัฐประหารอีกครั้ง” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เงื่อนไขทั้งหมดในการบริหารการเมืองกับการบริหารบ้านเมืองไปด้วยกันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ไขการเคลื่อนไหวของประชาธิปไตย ตนเห็นด้วยให้แก้ไขใน 6 ประเด็นในรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องเฉพาะหน้าก็จริง แต่ก็เป็นประโยชน์กับรัฐบาล ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ ปฏิรูปการเมือง ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาถึงตอนนี้นายกฯ พูดให้ชัดเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ซื้อเวลาไปที เพราะการเมืองเวลานี้ไม่ได้อยู่ที่ใครแข่งขัน หรือเลือกตั้งมาใหม่ทุกอย่างจบ เพราะเวลานี้อาศัยระบบไม่ได้ รัฐธรรมนูญยังมีที่คมช.เขียนไว้ อำนาจจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่ประชาชน แต่อยู่ภายในองค์กรอธิปไตยที่ 4 แถมอยู่ภายใต้ตุลาภิวัฒน์ ซึ่งควรจะมีการแก้รัฐธรรมนูญใหญ่ด้วย
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า ตนเห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขบางมาตราที่เสนอมา แต่เมื่อจะแก้แล้ว ควรจะมีการเสนอให้แก้ไขมาตรา 291 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย และควรตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.3) ขึ้นมา จากนั้นรัฐบาลก็จะยุบสภา เลือกตั้งใหม่ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ 6 เดือน และแก้ไขทั้งฉบับ โดยเสนอให้สภาเห็นชอบและทำประชามติ อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลต้องการอยู่นานต้องเดินหน้าแก้ปัญหาในประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ปล่อยให้สังคมไทยอยู่แบบชักเย่อของ 2 ฝ่าย
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่โรงแรมเอเชีย เมื่อเวลา 10.30 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เปิดตัวหนังสือเสียง (Audio Book) เรื่อง “ความจริงวิกฤตประชาธิปไตย 27 ประเด็นที่สังคมไทยต้องการคำตอบ” ซึ่งเป็นหนังสือเสียงการเมือง เล่มแรกของประเทศไทย อยู่ในรูปแบบของแผ่นซีดี สามารถใช้เครื่องเล่น VCD / DVD / MP3 ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ในการรับฟังเนื้อหา สำหรับการผลิตครั้งนี้ภายใต้การควบคุมของ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ ให้เสียงบรรยายโดย จิราภรณ์ สุมณศิริ และจอม เพชรประดับ ซึ่งนายจาตุรนต์กล่าวว่า การเปิดหนังสือเสียงเพราะเห็นว่าได้รับความสนใจมากกว่าหนังสือเล่มและตั้งใจเผยแพร่ผ่านวิทยุชุมชน แต่ยังมีอุปสรรคที่วิทยุชุมชนเกรงถูกปิดเนื่องจากอยู่ในช่วงจดทะเบียนกับรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเปิดตัวหนังสือเสียง มีการเสวนาเรื่องวิกฤตประเทศไทย กับการพูดข้างเดียวของรัฐบาล โดยมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นพิธีกร โดยนายจาตุรนต์กล่าวว่า วิกฤตการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ว่า การบริหารงานของรัฐบาลต้องบริหารท่ามกลางวิกฤต แต่เป็นวิกฤตการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจที่แตกต่างจากปี 40 และไม่ได้มาจากสาเหตุเดียวกัน ที่ผ่านมายังไม่เห็นภาพการทำงานอย่างเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง กินตัวเองไปเรื่อยๆ และความพอใจก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะไม่ใช่แค่ไม่พอใจรัฐบาลเท่านั้น แต่ประชาชนจะไม่พอใจไปถึงระบบ ที่เกิดจากกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
“จึงขอให้นายกรัฐมนตรีกล้าตัดสินใจ ศึกษาข้อมูลให้มากขึ้น แก้วิกฤตของประเทศโดยไม่ต้องเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดศรีสะเกษ กับสกลนคร สะท้อนว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่พร้อม นายกฯ น่าจะจับไต๋ได้แล้วว่า ไม่ต้องการให้มีการยุบสภาในเร็วๆ วันนี้ เพราะหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นบางพรรคอาจหายไป ดังนั้นนายกฯ ต้องกล้าตัดสินใจ แม้จะต้องขัดใจใครบ้างก็ตามก็ต้องทำ ไม่ต้องกลัวพรรคร่วมตีรวน รัฐบาลจะไม่ยอมยุบสภาง่ายๆ แต่จะดื้ออยู่ไปเรื่อยๆ เพราะรัฐบาลต้องการเวลาในการเตรียมความพร้อมหลายเรื่อง ซึ่งส่วนตัวอยากให้แก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภา เพราะถ้าไม่แก้ประเทศชาติจะอยู่ไม่ได้ เพราะการเมืองจะไม่มีเสถียรภาพ และถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ วันหนึ่งทหารอาจกลับมารัฐประหารอีกครั้ง” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เงื่อนไขทั้งหมดในการบริหารการเมืองกับการบริหารบ้านเมืองไปด้วยกันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ไขการเคลื่อนไหวของประชาธิปไตย ตนเห็นด้วยให้แก้ไขใน 6 ประเด็นในรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องเฉพาะหน้าก็จริง แต่ก็เป็นประโยชน์กับรัฐบาล ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ ปฏิรูปการเมือง ศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาถึงตอนนี้นายกฯ พูดให้ชัดเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ซื้อเวลาไปที เพราะการเมืองเวลานี้ไม่ได้อยู่ที่ใครแข่งขัน หรือเลือกตั้งมาใหม่ทุกอย่างจบ เพราะเวลานี้อาศัยระบบไม่ได้ รัฐธรรมนูญยังมีที่คมช.เขียนไว้ อำนาจจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่ประชาชน แต่อยู่ภายในองค์กรอธิปไตยที่ 4 แถมอยู่ภายใต้ตุลาภิวัฒน์ ซึ่งควรจะมีการแก้รัฐธรรมนูญใหญ่ด้วย
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า ตนเห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขบางมาตราที่เสนอมา แต่เมื่อจะแก้แล้ว ควรจะมีการเสนอให้แก้ไขมาตรา 291 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย และควรตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.3) ขึ้นมา จากนั้นรัฐบาลก็จะยุบสภา เลือกตั้งใหม่ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ 6 เดือน และแก้ไขทั้งฉบับ โดยเสนอให้สภาเห็นชอบและทำประชามติ อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลต้องการอยู่นานต้องเดินหน้าแก้ปัญหาในประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ปล่อยให้สังคมไทยอยู่แบบชักเย่อของ 2 ฝ่าย
