“เวลา” ผ่านไปไวเหมือนสายน้ำ ที่ไหลแล้วไม่ย้อนกลับ เฉกเช่นเดียวกับชีวิตคนเรา ในช่วงเวลาจากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและวันคืนไม่มีวันย้อนกลับมา
จึงมีคำสอนเตือนสติให้รู้ตัวเสมอว่า
“ไม่สำคัญว่าเราเป็นอะไรเมื่อมีชีวิตอยู่ แต่สำคัญว่าเมื่อเราจากไปแล้ว
คนที่อยู่ข้างหลัง จดจำความดีที่เราได้ทำไว้ไม่มากก็น้อยแค่นี้ก็พอแล้ว สำหรับหนึ่งชีวิต”
ทว่าคำสอนนี้คงไม่สามารถไปเตือนสติหรือบอกให้คนๆหนึ่ง นำไปประพฤติปฏิบัติได้
บุคคลผู้นั้นก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร”
ผู้ที่กำลังจะฉลองวันเกิดปีที่ 60 ในวันอาทิตย์ที่26 กรกฎาคมนี้แล้ว เพราะวันนี้แม้จะเข้าสู่บั้นปลายของชีวิต แต่สังคมก็เห็นชัดว่า ทักษิณยังไม่
ลด ละ เลิก ทำสิ่งไม่ดีให้กับส่วนรวม และแผ่นดินเกิด
เช่นนี้แล้ว จะให้ผู้คนพูดถึงเรื่องราวความดีของทักษิณในยามที่จากโลกนี้ไปได้อย่างไร
ทั้งที่โอกาสครบรอบ”แซยิด”ซึ่งคตินิยมความเชื่อของคนไทยและคนจีนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากแทนที่ทักษิณจะใช้โอกาสนี้
ทบทวนสติ ละอายใจต่อความผิด คิดผิดต้องคิดใหม่ และคิดดีต่อบ้านเมือง
ด้วยการย้อนทบทวนชีวิตและมองไปที่ปฏิทินของโลก อันจะพบสัจธรรมความจริงที่ว่า
เจ้าเหลือเวลาอยู่บนโลกเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตกดินอีกไม่นานแล้ว
จึงควรกลับตัวกลับใจใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกไม่นาน ด้วยการทำในสิ่งที่ควรทำเป็นเรื่องเร่งด่วนในชีวิตตอนนี้ ที่เราเห็นว่าทักษิณจะต้องทำโดยทันที 4 เรื่อง ก่อนที่จะสายเกินไป นั่นก็คือ
1.หยุด-ล้มเลิกการสนับสนุนความคิดล้มล้างสถาบันและพฤติกรรมก้าวล่วงพระราชอำนาจ
เรื่องนี้ตัวทักษิณและเหล่าพลพรรคย่อมต้องออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า ทักษิณไม่เคยคิดเช่นนี้ ทั้งที่พฤติกรรมหลายอย่างบ่งชี้ให้เห็นว่าทักษิณและขุมกำลังโดยเฉพาะ “กลุ่มเสื้อแดง”แสดงออกโดยชัดแจ้ง
ทั้งกรณีการปลุกระดมคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์เลือดเพื่อให้ออกมาล้มล้าง “สถาบันองคมนตรี”และให้ร้ายทางการเมืองและเรื่องส่วนตัวอันเป็นเท็จต่อองคมนตรีหลายต่อหลายคนที่ได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งทั้งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ
หรือแม้แต่ล่าสุดกับการเดินสายล่ารายชื่อประชาชน 1 ล้านรายชื่อเพื่อนำไปยื่นถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ ทั้งที่ก็มีเสียงท้วงติงทั้งในเรื่องหลักกฎหมาย ราชประเพณี และความเหมาะสมจากทุกฝ่ายแล้วว่า กระบวนการดังกล่าวไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย
อีกทั้งไม่เหมาะสมเพราะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ แต่ทักษิณก็ไม่สนใจยังคงดาหน้าหนุนหลังให้มีการล่ารายชื่อให้สำเร็จ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องไม่บังควร แต่กลับเห็นผิดเป็นชอบเพียงเพื่อหวังให้พ้นผิด
มาวันนี้ ทักษิณ จึงต้องยุติความคิด “จาบจ้วงสถาบัน-ละเมิดพระราชอำนาจ”เช่นนี้โดยเร็ว แม้จะสายไปบ้างที่ต้องขอให้ทักษิณ คิดถึงเรื่องนี้ก็ตาม!!!
2.สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำไว้ และต้องขอโทษประชาชน
ตลอดเวลาที่ทักษิณอยู่ในวงจรการเมือง ทุกสังคมชนชั้นและทุกวงการล้วนแต่ได้รับผลกระทบในทางลบจากผลพวงของการคิด และการกระทำของทักษิณและคนใกล้ชิดรวมถึงพลพรรคทางการเมืองทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย มาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเองและครอบครัว อย่างเช่นกรณีการออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต จนทำให้คู่แข่งขันทางธุรกิจอยู่ในสภาพเสียเปรียบให้กับบริษัทที่คนในครอบครัวชินวัตรถือหุ้นใหญ่อยู่
รวมถึงการใช้กลไกเสียงข้างมากในรัฐสภาเพื่อแก้กฎหมายกิจการโทรคมนาคมเพื่อเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทโทรคมนาคมที่ครอบครัวตัวเองถือเอาไว้ได้มากขึ้น จนขายหุ้นชินคอร์ปให้ต่างชาติได้เงินไป 73,000 ล้านบาทโดยไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว รวมถึงตลอดช่วงการเป็นผู้นำประเทศของทักษิณ ก็ได้ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม จนสังคมขาดหลักยึดเหนี่ยว อาทิการส่งเสริมให้มีการตั้ง “ศาลเตี้ย”ในนโยบายฆ่าตัดตอน จนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 2.5 พันศพ
แม้จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจนเป็นบุคคลผู้หลบหนีคำพิพากษาของศาลฎีกา จะพบว่าไม่เคยมียุคใดที่ประเทศชาติอยู่ในสภาพแตกแยก ผู้คนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนถึงขั้นทำร้ายและบางคราก็มุ่งหมายจะเข่นฆ่ากันเท่ากับยุคสมัยนี้
ไม่ผิดเลยที่จะย้ำว่า ทักษิณคือต้นเหตุให้คนไทยต้องแบ่งสีแบ่งฝ่าย ห้ำหั่นและเข่นฆ่ากันเอง อันเห็นได้จากหลายเหตุการณ์
อาทิ “สงกรานต์เลือด” ที่ทักษิณออกมาปลุกระดมทุกค่ำคืนผ่านวีดีโอลิงค์ให้คนเสื้อแดงออกมารวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อออกไปสร้างความวุ่นวายให้ประเทศจนประเทศต้องเสียหายย่อยยับทั้งการล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต การเผาบ้านเผาเมือง การปิดการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เพียงเพราะทักษิณต้องการชัยชนะและแก้แค้นแต่กลับทำให้บ้านเมืองฉิบหายป่นปี้ เพราะทักษิณคนเดียว
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ยกมายังถือว่าน้อยนิดยิ่งนักกับสิ่งที่ทักษิณทำไว้ มันจึงสมควรอย่างยิ่งที่ทักษิณจะต้อง
สารภาพบาป และขอโทษประชาชนสถานเดียว
3.หยุดให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมและกลับมารับโทษ
นี่คือสิ่งที่ทักษิณควรต้องรีบทำโดยเร็ว เพื่อให้ปัญหาทุกอย่างสิ้นสุดโดยเร็ว เพราะที่ผ่านมาทักษิณได้ใช้เวทีการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ การพูดผ่านวีดีโอลิงค์ โฟนอิน หลายต่อหลายครั้ง ให้ร้ายและกล่าวหากระบวนการยุติธรรมไทยโดยเฉพาะศาลยุติธรรมว่า “สองมาตรฐาน”ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง และทำให้คนที่ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดต้องเข้าใจกระบวนการยุติธรรมของประเทศผิด จนส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของระบบศาลไทย ซึ่งถือว่าร้ายแรงมาก
ทักษิณไม่มีทางทำอะไรได้เป็นอย่างอื่น นอกจากต้องกลับมาติดคุกโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้ออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ยังไม่สายเกินไปกับโทษความผิด 2 ปี ดีกว่าที่จะอยู่ในสภาพคนหนีคดี-หนีความผิด ที่ไร้เกียรติภูมิเช่นนี้
4.ยุติการเคลื่อนไหวการเมืองที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
ทักษิณต้องยุติและวางมือการเมืองอย่างแท้จริงได้แล้ว เลิกเสียทีกับพฤติกรรมพูดอย่างทำอย่างคือหน้าฉากบอกว่า
ไม่เอาแล้วการเมือง ปล่อยวางแล้ว แต่ลับหลังสั่งลูกหาบทำศึกสงครามการเมืองเต็มที่
ยิ่งมาวันนี้ เริ่มจะเห็นเค้าลางการทำสงครามการเมืองรอบใหม่อีกแล้ว เพราะมีการประกาศออกมาจากแกนนำเสื้อแดงแล้วว่าแล้วว่า หลังจากมีการยื่นรายชื่อประชาชนต่อสำนักราชเลขาธิการในวันที่ 31 ก.ค.แล้ว
เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป แกนนำเสื้อแดงจะเริ่มยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง”อีกครั้งโดยการตั้งเวที-จัดการสัมมนาในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเลี้ยงมวลชนเสื้อแดงเอาไว้แบบซ่องสุมกำลัง แล้วรอจังหวะดีเดย์หลังจากเตรียมพร้อมเต็มที่
ก็จะมีการเป่านกหวีดครั้งใหญ่ เพื่อกรีฑาทัพเสื้อแดงเข้ามาทำศึกในใจกลางประเทศคือกรุงเทพมหานครอีกรอบ บนสถานการณ์ที่ต้องมั่นใจว่า มาแล้วอยู่ยาวและต้องรุนแรงกว่าช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
และนั่นคงทำให้บ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย ภาคเศรษฐกิจขาดความเชื่อมั่นจนยากที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวได้ในเวลาอันใกล้
ทว่าความเสียหายของชาติบ้านเมืองที่หลายคนหวั่นเกรงตามยุทธศาสตร์ “ตากสิน”รอบใหม่ จะไม่เกิดขึ้นเลย หากคนเพียงคนเดียวคือ
“ทักษิณ”สั่งเลิก-ถอย-สลาย แล้วให้เสื้อแดงทุกคนสงบนิ่ง ยอมรับกติกาประชาธิปไตย หากรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ก็ต้องไปด้วยกลไกประชาธิปไตย ไม่ใช่เพราะพวกเผาบ้านเผาเมืองมาทำให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้
ถ้าทักษิณ ยุติการเคลื่อนไหวการเมืองทั้งบนดิน-ใต้ดินที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เชื่อได้ระดับหนึ่งว่าเมื่อนั้นความสงบสุขของสังคมจะกลับคืนมาในไม่ช้า แม้จะต้องใช้เวลาเยียวยาและทำความเข้าใจรวมถึงละลายพฤติกรรมและความคิดทางการเมืองของผู้คนนานหน่อย แต่ก็มีหวังว่าเมื่อถึงวันนั้น สยามเมืองยิ้ม แผ่นดินสีทอง จะกลับมาอีกครั้ง
แต่ทั้งหมดที่เรายกมาและอยากเห็นทักษิณในวัย 60 ปีกระทำ ไม่ว่าจะเป็น
หยุด-ล้มเลิกการสนับสนุนความคิดล้มล้างสถาบันและพฤติกรรมก้าวล่วงพระราชอำนาจ ,สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำไว้และต้องขอโทษประชาชน, หยุดให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมและกลับมารับโทษ, ยุติการเคลื่อนไหวการเมืองที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
แต่คงไม่มีทางได้เห็นจากคนอย่างทักษิณ ชินวัตร ผู้กำลังทำให้ผู้คนเสื้อแดงคิดว่า กรรมของเขา ที่เป็นกรรมส่วนตัวที่ได้กระทำไว้
คือ “กรรมของประเทศ”ที่ต้องให้ผู้คนร่วมมือร่วมมือใจกัน “ตัดกรรม”นี้ออกไป
แค่นี้ก็เห็นแล้วว่า คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ที่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยเปลี่ยน แม้เวลาในชีวิตบนโลกนี้ เริ่มนับถอยหลังแล้วก็ตาม
จึงมีคำสอนเตือนสติให้รู้ตัวเสมอว่า
“ไม่สำคัญว่าเราเป็นอะไรเมื่อมีชีวิตอยู่ แต่สำคัญว่าเมื่อเราจากไปแล้ว
คนที่อยู่ข้างหลัง จดจำความดีที่เราได้ทำไว้ไม่มากก็น้อยแค่นี้ก็พอแล้ว สำหรับหนึ่งชีวิต”
ทว่าคำสอนนี้คงไม่สามารถไปเตือนสติหรือบอกให้คนๆหนึ่ง นำไปประพฤติปฏิบัติได้
บุคคลผู้นั้นก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร”
ผู้ที่กำลังจะฉลองวันเกิดปีที่ 60 ในวันอาทิตย์ที่26 กรกฎาคมนี้แล้ว เพราะวันนี้แม้จะเข้าสู่บั้นปลายของชีวิต แต่สังคมก็เห็นชัดว่า ทักษิณยังไม่
ลด ละ เลิก ทำสิ่งไม่ดีให้กับส่วนรวม และแผ่นดินเกิด
เช่นนี้แล้ว จะให้ผู้คนพูดถึงเรื่องราวความดีของทักษิณในยามที่จากโลกนี้ไปได้อย่างไร
ทั้งที่โอกาสครบรอบ”แซยิด”ซึ่งคตินิยมความเชื่อของคนไทยและคนจีนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากแทนที่ทักษิณจะใช้โอกาสนี้
ทบทวนสติ ละอายใจต่อความผิด คิดผิดต้องคิดใหม่ และคิดดีต่อบ้านเมือง
ด้วยการย้อนทบทวนชีวิตและมองไปที่ปฏิทินของโลก อันจะพบสัจธรรมความจริงที่ว่า
เจ้าเหลือเวลาอยู่บนโลกเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตกดินอีกไม่นานแล้ว
จึงควรกลับตัวกลับใจใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกไม่นาน ด้วยการทำในสิ่งที่ควรทำเป็นเรื่องเร่งด่วนในชีวิตตอนนี้ ที่เราเห็นว่าทักษิณจะต้องทำโดยทันที 4 เรื่อง ก่อนที่จะสายเกินไป นั่นก็คือ
1.หยุด-ล้มเลิกการสนับสนุนความคิดล้มล้างสถาบันและพฤติกรรมก้าวล่วงพระราชอำนาจ
เรื่องนี้ตัวทักษิณและเหล่าพลพรรคย่อมต้องออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า ทักษิณไม่เคยคิดเช่นนี้ ทั้งที่พฤติกรรมหลายอย่างบ่งชี้ให้เห็นว่าทักษิณและขุมกำลังโดยเฉพาะ “กลุ่มเสื้อแดง”แสดงออกโดยชัดแจ้ง
ทั้งกรณีการปลุกระดมคนเสื้อแดงในช่วงสงกรานต์เลือดเพื่อให้ออกมาล้มล้าง “สถาบันองคมนตรี”และให้ร้ายทางการเมืองและเรื่องส่วนตัวอันเป็นเท็จต่อองคมนตรีหลายต่อหลายคนที่ได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งทั้งพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ
หรือแม้แต่ล่าสุดกับการเดินสายล่ารายชื่อประชาชน 1 ล้านรายชื่อเพื่อนำไปยื่นถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ทักษิณ ทั้งที่ก็มีเสียงท้วงติงทั้งในเรื่องหลักกฎหมาย ราชประเพณี และความเหมาะสมจากทุกฝ่ายแล้วว่า กระบวนการดังกล่าวไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย
อีกทั้งไม่เหมาะสมเพราะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ แต่ทักษิณก็ไม่สนใจยังคงดาหน้าหนุนหลังให้มีการล่ารายชื่อให้สำเร็จ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องไม่บังควร แต่กลับเห็นผิดเป็นชอบเพียงเพื่อหวังให้พ้นผิด
มาวันนี้ ทักษิณ จึงต้องยุติความคิด “จาบจ้วงสถาบัน-ละเมิดพระราชอำนาจ”เช่นนี้โดยเร็ว แม้จะสายไปบ้างที่ต้องขอให้ทักษิณ คิดถึงเรื่องนี้ก็ตาม!!!
2.สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำไว้ และต้องขอโทษประชาชน
ตลอดเวลาที่ทักษิณอยู่ในวงจรการเมือง ทุกสังคมชนชั้นและทุกวงการล้วนแต่ได้รับผลกระทบในทางลบจากผลพวงของการคิด และการกระทำของทักษิณและคนใกล้ชิดรวมถึงพลพรรคทางการเมืองทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย มาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเองและครอบครัว อย่างเช่นกรณีการออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต จนทำให้คู่แข่งขันทางธุรกิจอยู่ในสภาพเสียเปรียบให้กับบริษัทที่คนในครอบครัวชินวัตรถือหุ้นใหญ่อยู่
รวมถึงการใช้กลไกเสียงข้างมากในรัฐสภาเพื่อแก้กฎหมายกิจการโทรคมนาคมเพื่อเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทโทรคมนาคมที่ครอบครัวตัวเองถือเอาไว้ได้มากขึ้น จนขายหุ้นชินคอร์ปให้ต่างชาติได้เงินไป 73,000 ล้านบาทโดยไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว รวมถึงตลอดช่วงการเป็นผู้นำประเทศของทักษิณ ก็ได้ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม จนสังคมขาดหลักยึดเหนี่ยว อาทิการส่งเสริมให้มีการตั้ง “ศาลเตี้ย”ในนโยบายฆ่าตัดตอน จนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 2.5 พันศพ
แม้จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจนเป็นบุคคลผู้หลบหนีคำพิพากษาของศาลฎีกา จะพบว่าไม่เคยมียุคใดที่ประเทศชาติอยู่ในสภาพแตกแยก ผู้คนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนถึงขั้นทำร้ายและบางคราก็มุ่งหมายจะเข่นฆ่ากันเท่ากับยุคสมัยนี้
ไม่ผิดเลยที่จะย้ำว่า ทักษิณคือต้นเหตุให้คนไทยต้องแบ่งสีแบ่งฝ่าย ห้ำหั่นและเข่นฆ่ากันเอง อันเห็นได้จากหลายเหตุการณ์
อาทิ “สงกรานต์เลือด” ที่ทักษิณออกมาปลุกระดมทุกค่ำคืนผ่านวีดีโอลิงค์ให้คนเสื้อแดงออกมารวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อออกไปสร้างความวุ่นวายให้ประเทศจนประเทศต้องเสียหายย่อยยับทั้งการล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต การเผาบ้านเผาเมือง การปิดการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เพียงเพราะทักษิณต้องการชัยชนะและแก้แค้นแต่กลับทำให้บ้านเมืองฉิบหายป่นปี้ เพราะทักษิณคนเดียว
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ยกมายังถือว่าน้อยนิดยิ่งนักกับสิ่งที่ทักษิณทำไว้ มันจึงสมควรอย่างยิ่งที่ทักษิณจะต้อง
สารภาพบาป และขอโทษประชาชนสถานเดียว
3.หยุดให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมและกลับมารับโทษ
นี่คือสิ่งที่ทักษิณควรต้องรีบทำโดยเร็ว เพื่อให้ปัญหาทุกอย่างสิ้นสุดโดยเร็ว เพราะที่ผ่านมาทักษิณได้ใช้เวทีการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ การพูดผ่านวีดีโอลิงค์ โฟนอิน หลายต่อหลายครั้ง ให้ร้ายและกล่าวหากระบวนการยุติธรรมไทยโดยเฉพาะศาลยุติธรรมว่า “สองมาตรฐาน”ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง และทำให้คนที่ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดต้องเข้าใจกระบวนการยุติธรรมของประเทศผิด จนส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของระบบศาลไทย ซึ่งถือว่าร้ายแรงมาก
ทักษิณไม่มีทางทำอะไรได้เป็นอย่างอื่น นอกจากต้องกลับมาติดคุกโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้ออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ยังไม่สายเกินไปกับโทษความผิด 2 ปี ดีกว่าที่จะอยู่ในสภาพคนหนีคดี-หนีความผิด ที่ไร้เกียรติภูมิเช่นนี้
4.ยุติการเคลื่อนไหวการเมืองที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
ทักษิณต้องยุติและวางมือการเมืองอย่างแท้จริงได้แล้ว เลิกเสียทีกับพฤติกรรมพูดอย่างทำอย่างคือหน้าฉากบอกว่า
ไม่เอาแล้วการเมือง ปล่อยวางแล้ว แต่ลับหลังสั่งลูกหาบทำศึกสงครามการเมืองเต็มที่
ยิ่งมาวันนี้ เริ่มจะเห็นเค้าลางการทำสงครามการเมืองรอบใหม่อีกแล้ว เพราะมีการประกาศออกมาจากแกนนำเสื้อแดงแล้วว่าแล้วว่า หลังจากมีการยื่นรายชื่อประชาชนต่อสำนักราชเลขาธิการในวันที่ 31 ก.ค.แล้ว
เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป แกนนำเสื้อแดงจะเริ่มยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง”อีกครั้งโดยการตั้งเวที-จัดการสัมมนาในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเลี้ยงมวลชนเสื้อแดงเอาไว้แบบซ่องสุมกำลัง แล้วรอจังหวะดีเดย์หลังจากเตรียมพร้อมเต็มที่
ก็จะมีการเป่านกหวีดครั้งใหญ่ เพื่อกรีฑาทัพเสื้อแดงเข้ามาทำศึกในใจกลางประเทศคือกรุงเทพมหานครอีกรอบ บนสถานการณ์ที่ต้องมั่นใจว่า มาแล้วอยู่ยาวและต้องรุนแรงกว่าช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
และนั่นคงทำให้บ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย ภาคเศรษฐกิจขาดความเชื่อมั่นจนยากที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวได้ในเวลาอันใกล้
ทว่าความเสียหายของชาติบ้านเมืองที่หลายคนหวั่นเกรงตามยุทธศาสตร์ “ตากสิน”รอบใหม่ จะไม่เกิดขึ้นเลย หากคนเพียงคนเดียวคือ
“ทักษิณ”สั่งเลิก-ถอย-สลาย แล้วให้เสื้อแดงทุกคนสงบนิ่ง ยอมรับกติกาประชาธิปไตย หากรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ก็ต้องไปด้วยกลไกประชาธิปไตย ไม่ใช่เพราะพวกเผาบ้านเผาเมืองมาทำให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้
ถ้าทักษิณ ยุติการเคลื่อนไหวการเมืองทั้งบนดิน-ใต้ดินที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เชื่อได้ระดับหนึ่งว่าเมื่อนั้นความสงบสุขของสังคมจะกลับคืนมาในไม่ช้า แม้จะต้องใช้เวลาเยียวยาและทำความเข้าใจรวมถึงละลายพฤติกรรมและความคิดทางการเมืองของผู้คนนานหน่อย แต่ก็มีหวังว่าเมื่อถึงวันนั้น สยามเมืองยิ้ม แผ่นดินสีทอง จะกลับมาอีกครั้ง
แต่ทั้งหมดที่เรายกมาและอยากเห็นทักษิณในวัย 60 ปีกระทำ ไม่ว่าจะเป็น
หยุด-ล้มเลิกการสนับสนุนความคิดล้มล้างสถาบันและพฤติกรรมก้าวล่วงพระราชอำนาจ ,สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำไว้และต้องขอโทษประชาชน, หยุดให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมและกลับมารับโทษ, ยุติการเคลื่อนไหวการเมืองที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
แต่คงไม่มีทางได้เห็นจากคนอย่างทักษิณ ชินวัตร ผู้กำลังทำให้ผู้คนเสื้อแดงคิดว่า กรรมของเขา ที่เป็นกรรมส่วนตัวที่ได้กระทำไว้
คือ “กรรมของประเทศ”ที่ต้องให้ผู้คนร่วมมือร่วมมือใจกัน “ตัดกรรม”นี้ออกไป
แค่นี้ก็เห็นแล้วว่า คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ที่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยเปลี่ยน แม้เวลาในชีวิตบนโลกนี้ เริ่มนับถอยหลังแล้วก็ตาม