“สดศรี” มาแปลก ลั่นไม่เคยพูดถูก ส.ว.ล็อบบี้ทบทวนคำวินิจฉัย ลาก จนท.แฉข้อมูล “จิตต์พจน์” ส.ว.ศรีสะเกษ ร่อนหนังสือขอทบทวนมติหุ้น ส่วนหุ้น 44 ส.ส. ส่อขยายเวลาเพิ่ม เหตุต้องรอข้อมูล 46 บริษัทที่ยังไม่เคยวินิจฉัยจากกรมทะเบียนธุรกิจการค้า ก.พาณิชย์
วันนี้ (24 ก.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง ชี้แจงกรณีมีข่าวว่าตนเองไประบุว่ามี ส.ว.มาล็อบบี้วิ่งเต้นให้ กกต.ทบทวนคำวินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นสัมปทานรัฐ และกิจการสื่อว่า ส.ส.และส.ว.เป็นผู้ที่มีเกียรติด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครมาวิ่งเต้นหรือล็อบบี้เลย และตนก็ไม่ได้พูดว่ามาล็อบบี้ เพียงแต่พูดว่ามี ส.ว.บางคนส่งหนังสือมาให้ กกต.ทบทวนมติคำวินิจฉัยเท่านั้น แต่เมื่อ กกต.มีคำวินิจฉัยไปแล้วก็จะไม่มีการทบทวน ซึ่งมติของ กกต.จะเปลี่ยนแปลงได้ก็เมื่อศาลรัฐธรรมนูญเห็นแตกต่าง แต่ทั้งนี้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่ง กกต.ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องลาออกหากศาลรัฐธรรมนูญเห็นแตกต่างจาก กกต.
นางสดศรียังกล่าวถึงการพิจารณาสำนวนการถือหุ้นของ 44 ส.ส.ว่า ขณะนี้คณะกรรมการไต่สวนฯ ได้ทำเรื่องขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 15 วัน เนื่องจากต้องดูรายละเอียดเพื่อความรอบคอบ ซึ่งจะมีการพิจารณากันในสัปดาห์หน้าว่า กกต.จะให้ขยายเวลาตามที่ขอหรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวต้องให้เกิดความรอบคอบ ชัดเจน เพราะเป็นการพิจารณา ส.ส.ถึง 44 คน ถือเป็นชุดใหญ่ ต้องให้เวลาทำงน ไม่ใช่เป็นการถ่วงเวลาแต่อย่างใด เพราะคณะกรรมการไต่สวนก็มีการรายงานผลการทำงานเป็นระยะอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการไต่สวนสรุปผลการสอบสวนแล้วไม่ได้มีการจัดหมวดหมู่การถือหุ้นของ ส.ส.มา กกต.ก็คงต้องสั่งให้กลับไปดำเนินการเหมือนที่เคยปฏิบัติมาแล้วในครั้งวินิจฉัย ส.ว.และส.ส.ก่อนหน้านี้
ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงสาเหตุในการขยายเวลาว่า เนื่องจากยังมีอีก 46 บริษัทที่ กกต.ยังไม่เคยพิจารณามาก่อน จึงต้องรอข้อมูลจากกรมทะเบียนธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ รวมถึงรายละเอียดการถือหุ้นของคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่ได้รับแจ้งมา จึงทำให้ กกต.ยังไม่มีการพิจารณาลงมติเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังการชี้แจงของนางสดศรีได้มอบหมายให้นายอิสระ เสียงเพราะดี ผอ.สำนักเลขานุการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และพ.ต.ท.ธนบดี พ่วงจินดา เลขานุการคณะกรรมการไต่สวน 16 ส.ว.มาชี้แจงเกี่ยวกับหนังสือของ ส.ว.ที่ยื่นขอให้ กกต.ทบทวน โดยนางสดศรีระบุว่าเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในตนเอง ซึ่งนายอิสระ กล่าวว่า ขณะนี้มีส.ว.เพียงรายเดียวที่มีหนังสือขอให้กกต.ทบทวนมติ คือนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ที่ กกต.มีมติให้สิ้นสมาชิกภาพได้มีหนังสือมาถึงสำนักงาน กกต.รวม 3 ฉบับ โดยฉบับแรกเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ขออุทธรณ์เพื่อขอให้ กกต.ให้โอกาสมาชี้แจงกรณีหุ้น โดยอ้างว่ายังไม่เคยมาชี้แจงเลย หลังจากนั้นในวันที่ 13 ก.ค.ก็มีหนังสือฉบับที่ 2 ขอให้กกต.พิจารณาทบทวนมติที่มีไปใหม่ และในวันที่ 15 ก.ค.ก็มีหนังสือฉบับที่ 3 ขอให้ กกต.ชะลอการทำคำวินิจฉัย หรือมีความเห็นและยับยั้งการส่งคำวินิจฉัยไปยังประธานวุฒิสภา โดยกกต.ก็ได้ส่งหนังสือทั้ง 3 ฉบับให้คณะกรรมการไต่สวนชุด 16 ส.ว.ไปพิจารณา ซึ่ง กกต.ก็ได้นำหนังสือดังกล่าวให้กับคณะกรรมการไต่สวนฯ
ด้าน พ.ต.ท.ธนบดี ชี้แจงว่า ในชั้นของคณะกรรมการไต่สวน นายจิตติพจน์ได้มีหนังสือขอเลื่อนการเข้าชี้แจงรวม 2 ครั้ง แต่ที่สุดก็มีการชี้แจงมาเป็นเอกสารระบุว่า หุ้นที่ถืออยู่ใน 21บริษัท ไม่มีบริษัทที่เข้าข่ายเป็นบริษัทสื่อ หรือเป็นคู่สัญญาสัมปทานรัฐเลย แต่ในส่วนของคณะกรรมการไต่สวน เห็นว่า 1 ใน 21 บริษัท คือ บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่นายจิตติพจน์มีหุ้นอยู่ เป็นบริษัทที่เข้าข่ายธุรกิจสื่อตามมาตรา 48 จึงเท่ากับว่าหุ้นที่นายจิตติพจน์ถือครองอยู่เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามทำให้สิ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ว. ซึ่งหนังสือที่นายจิตต์พจน์ที่มีถึง กกต.นั้น ทางคณะกรรมการไต่สวนก็ได้พิจารณาและรายงานให้ กกต.ทราบว่าคณะกรรมการไต่สวนได้ให้โอกาสนายจิตต์พจน์ชี้แจงแล้ว และยืนยันในมติเดิมไม่มีการทบทวน