xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการอิสระ ยัน"เทพเทือก"ไร้ราคาสอบตกความมั่นคง-ขัดขาคดี"สนธิ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ชัชวาลย์" ระบุลอบยิง"สนธิ" เหตุรู้มาก-ไม่รับเจรจา เผย"สุเทพ" เจ้าปัญหาขัดขาจนคดีอืด แทงกั๊กฟัน"นช.แม้ว" เพื่ออำนาจ รับประกัน"บิ๊กเหวียง"ไม่เอี่ยวคดี ขณะที่ "ปานเทพ" ยันกลุ่มอำนาจใหม่-เก่า จับมือ หวังตัดไฟต้นลมจนปชช.ลุกฮือ เข้าแผนเหตุปฏิวัติ เชื่อแผนตากสิน 2 ฝีมือทหาร


คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 22 กรกฎาคม โดยนายเติมศักดิ์ จารุปราน เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับเกียรติชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย นักวิชาการอิสระ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมพูดคุยถึงแนวโน้มอาจเกิดการรัฐประหารอีกครั้ง

นายชัชวาลย์ กล่าวถึงนายฐากูร บุนปาน ที่เขียนในคอลัมน์นิสต์ “สื่อเอเอสทีวี ลากเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเอี่ยวด้วย” ว่า อย่ามีความริษยา ไม่ว่าจะอยู่ข้างไหน สุดท้ายให้ดูว่าข่าวที่เขียนออกมามันจริงมันหรือไม่เท่านั้น เป็นนักข่าวต่างคนต่างก็มีข้อมูลที่สำคัญจะแม่นหรือไม่แม่น หากมีข้อมูลเยอะแต่ไม่รู้จักวิเคราะห์ก็ไม่ต่างอะไรจากขยะ แต่คนที่รู้จักเอาข้อมูลมาวิเคราะห์แล้วจินตนาการต่อเป็นจิกซอ ก็จะได้ข้อมูลที่เป็นจริง เพราะหัวใจของการทำข่าว อยู่ที่ว่าจะหาข้อมูลได้ตื้นลึกหนาบางแค่ไหน เช่นนักการเมืองบางคนต่อหน้าอาจทะเลาะกัน แต่ลับหลังเขาจับมือกันก็ได้ ดังนั้นการทำงานข่าวมันเป็นสนามของการแข่งขันว่าใครจะเจาะได้ลึกกว่ากัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีแหล่งข่าว อย่างไรก็ดีถ้ายืนอยู่บนพื้นฐานเพื่อประชาชน คุณจะไม่ยึดติดกับแหล่งข่าว ที่บางทีคุณรู้ว่าคนนี้ทำชั่วแต่ไม่เขียนหรือเขียนบิดเบือน เหมือนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากถามว่าทำไม ข่าวผู้จัดการถึงซัด พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอด ไม่ต้องดูอะไมมากเอาแค่วันนี้สังคมที่โดน พ.ต.ท.ทักษิณ หลอกเขาตาสว่าง จนกระทั่งเขาเข้ามาร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯ ถ้าหากคนที่เข้าร่วมชุมนุม เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำถูกต้องเขาคงไม่ร่วมต่อสู้และไม่มีทางที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะระดมคนได้มากขนาดนี้ และทหารคงไม่ปฏิวัติ

“เจตนา คอลัมน์นิสต์ แต่ละคนไม่เหมือนกั้น บางคนเอาเรื่องจริงเขียนให้คนสับสน หรือมีทหารขอให้ช่วย ก็เขียนให้รู้สึกว่าทหารไม่ได้เกี่ยวข้อง ดังนี้ถ้าจะดูจิตวิญญาณของคนเขียนหนังสือ ให้ย้อนกลับไปดูต้นตอดั้งเดิมที่เขาเคยทำ ดังนี้เมื่อดูบทความ ฐากูร บุนปาน ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ เรืองอำนาจว่าเขาเขียนอย่างไร ก็จะเห็นได้ทันทีว่าใครเป็นอย่างไร” นายชัชวาลย์ กล่าว

นายชัชวาลย์ กล่าวถึงความผิดปกติในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่า มีความผิดปกติจากการให้สัมภาษณ์ ของ ผบ.ทบ ในวันที่เกิดเหตุใหม่ๆ ออกมาบอกว่าอาชญากรรมเกิดได้ และอาวุธหาง่าย ตรงนี้ไม่ได้หมายความ ว่า ผบ.ทบ เป็นคนทำ อย่างไรก็ดีถ้าจับคำพูดของนักการเมืองบางคนจะเห็น อย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ช่วงเข้าดำรงค์ตำแหน่งใหม่ๆ บอกว่าจะรบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วต่อมาบอกว่าจะเจรา ซึ่งก็บอกด้วยว่ามีการโทรศัพท์คุยกัน 2. คนนักการเมืองมีคนที่ใกล้ชิดทักษิณ อยู่ข้างตัว ปชป.รู้หรือไม่ว่ากระเป๋าเงินของพรรคประชาธิปัตย์ สนิทกับเครือญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไปอยู่ข้างตัว นายสุเทพ และวันนี้มีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดา การที่ประชาธิปัตย์ รบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แบบยึกๆยักๆ สู้แล้วหยุด บอกได้เลยว่า หลานเขยพ.ต.ท.ทักษิณ วันนี้ได้รับการแต่งตังเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในวงการตำรวจ วันที่นายกฯ มอบให้ นายสุเทพ ดูแลกรมตำรวจ มันก็แปลกๆในวงการตำรวจ และพัชรวาท เรื่อง 7 ต.ค. ก็รู้ว่าผิดหรือไม่ผิด รอ ป.ป.ช.ตัดสิน แต่อย่าลืมว่าไม่มีประเทศไหนน้องชายกุมตำรวจขณะที่พี่ชายแท้ๆเป็น รมว.กลาโหม สิ่งเหล่านี้ จึงไม่แปลกใจหลังโดนนายสนธิโดนลอบยิง หมายออกมามีทั้งตำรวจและทหาร ถ้าสังคมนี้จับตัวคนยิงนายสนธิไม่ได้สังคมจะป่าเถื่อน และนายกฯอยู่ในภาวะอันตรายด้วย

“คดีนี้ถ้ามองภาพใหญ่จะเป็นแบบกระบวนการ กระฐินสามัคคี ที่คนร้ายทุกคนมองว่า นายสนธิ คือปัญหาของพวกเขาสำหรับ 1.สำหรับคนที่อยากจะเป็นใหญ่ ซึ่งจะทำอะไรก็ไม่สะดวกหากยังมีพันธมิตรฯ คอยขัดขวาง 2. กลุ่มอำนาจเก่าอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเห็นว่ามีอุปสรรค์ต่อการกลับมา 3. นายสนธิ มีแหล่งข่าวที่รู้ก่อนสำนักอื่น และชอบเอามาดักคอ 4. นายสนธิ เป็นมนุษย์ไม่เหมือนคนอื่น ไม่กลัวตาย เจ๊งก็ไม่กลัว ไม่มีหนทางที่จะเจรจาได้ ดังนี้จึงเป็นสาเหตุที่ตำรวจ-ทหาร มารวมกัน” นายชัชวาลย์ กล่าว

นายชัชวาลย์ กล่าวว่า คดีลอบยิง นายสนธิ มีหลายเรื่องติดอยู่ที่ นายสุเทพ ถึงแม้นายกฯ อยากจะทำหลายเรื่องที่ดี แต่ก็ยังตัดไม่ขาดจากนายสุเทพ ดังนี้หากนายกฯ กล้าขึ้นกว่านี้ก็จะเป็นผู้นำที่น่าสนใจ เป็นอนาคตของประเทศ เพราะถ้าดูผลงานด้านความมั่นคงปัจจุบัน ถือว่านายสุเทพ สอบตก แค่ ทักษิณ คนเดียวยังจัดการไม่ได้ และคดี 7 ค.ค. ได้เร่งรัดหรือป่าว อีกอย่างการประชุมอาเซียน ที่พัทยา ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศต้องหนีหัวซุกหัวซุน ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน ปล่อยให้เสื้อแดงโจมตีสถาบัน พร้อมกันนี้อยากให้นายกฯ ช่วยตรวจสอบ หลังมีนายตำรวจใหญ่บอกว่ากรณีถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ตำรวจส่งเรื่องไปไว้ที่รองนายกฯแล้ว ปัจจุบันก็ยังติดอยู่ที่รองนายกฯ จึงขอให้ตรวจสอบดูว่าจริงหรือไม่ ดังนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ ฟันธงได้เลยว่า นายสุเทพ จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เจ๊ง และเป็นฝ่ายค้านอีกยาวนาน

“คดีนี้ไม่เกี่ยวกับ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร จากประสบการณ์บอกได้ว่าเป็นทหารที่ไม่เหมือนทหารบางคน ที่ชอบใช้ความรุนแรงป่าเถื่อนจนติดนิสัย ชนิดแก้ปัญหาไม่ได้ก็อุ้มฆ่าเสีย อีกอย่างมีการถามบางอย่างกับ พล.อ.เชษฐา ก่อนที่จะมีการออกหมายจับคนร้ายในคดีลอบยิงนายสนธิเสียด้วยซ้ำ ปรากฎชื่อคนร้ายเหมือนกับที่ออกหมายจับทุกอย่าง ดังนี้ขอให้เชื่อ ว่า คนดีในกรมตำรวจ-ทหาร ยังมีอีกเยอะ ขอเพียงรัฐบาลเข้มแข็ง คนดีถึงจะเข้ามาช่วยได้” นายชัชวาลย์ กล่าว

นายปานเทพ กล่าวเคารพในเสรีภาพในการแสดงความเห็น ของนายฐากูร บุนปาน จากเครือมติชน ที่เขียนในคอลัมน์นิสต์ “สื่อเอเอสทีวี ลากเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเอี่ยวด้วย เพื่อสนองตัญหาหรือความเชื่อที่ปราศจากข้อมูลรองรับของใครบางคน” ว่า เอเอสทีวี ได้ข้อมูลมาในฐานะผู้นำจิตวิญญาณขององค์กรถูกกระทำ และการที่เป็นฝ่ายถูกกระทำให้ผู้ที่ต้องการบอกเบาะแส มองว่าถ้ามอบข้อมูลกับบุคคลเหล่านี้แล้วเขาจะมีความปลอดภัย สิ่งนี้ยืนยันได้ว่าเราอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและแหล่งข่าว อย่างกรณีการออกหมายจับสองคนร้ายลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล คดีนี้ นายสนธิ รู้ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเดือน ซึ่งสังเกตได้จากที่เคยให้สัมภาษณ์ ว่า มีกระบวนการคุกคาม แทรกแซง ตัดตอนกระบวนการสอบสวน ถัดมาอีกไม่กี่วัน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ตามข้อเท็จจริงนั้น ตรงนี้หากถามว่าทำไมถึงรู้ ก็เพราะเรามีแหล่งข่าวที่ลึก และวันนี้ก็มีความคืบหน้าอีกหลายอย่าง จนเชื่อว่าสุดท้ายสังคมจะรู้ว่าใครทำ

นายปานเทพ กล่าวว่าที่บอกว่าตำรวจมาถูกทาง เพราะเรามีการข่าวว่าก่อนหน้ามีความพยายาม จะออกหมายจับไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยการทำงานเป็นไปอย่างรอบคอบและรัดกุม ชนิดเมื่อแค่ฟ้องแล้วคดีต้องไม่หลุดในชั้นศาล ซึ่งจากคำให้สัมภาษณ์ ของ ธานี ว่าเจออุปสรรค์ มีกระบวนการแทรกแซงครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2552 ทั้งๆที่หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นบอกว่าอีก 7 วัน จะจับคนร้ายได้ สุดท้ายก็ถูกแทรกแซง จึงเห็นได้ว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นไม่ใช่กระบวนการเล็ก ๆ โดยตั้งข้อสังเกต 1.ใครจะมีความสามารถทำได้ที่ให้ตำรวจกับทหารร่วมมือกัน 2.สามารถทำได้ช่วงการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินโดยการใช้อาวุธสงครามและหนีไปได้ 3. แทรกแซงกระบวนการสอบสวนได้แม้กระทั่า รอง ผบ.ตร.เข้าไปดูแล 4.กระบวนการที่ทำให้เกิดการคุมเคลือว่าคนร้ายอยู่ในสังกัดไหน ทำไมถึงไม่ส่งตัว เท่าที่สังเกตวิเคราะห์แค่นี้ก็รู้ว่าไม่ใช่คนปกติ หรือคนร้ายกระจอกที่จะทำได้

นายปานเทพ กล่าวเคารพในเสรีภาพในการแสดงความเห็น ของนายฐากูร บุนปาน จากเครือมติชน ที่เขียนในคอลัมน์นิสต์ “สื่อเอเอสทีวี ลากเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเอี่ยวด้วย เพื่อสนองตัญหาหรือความเชื่อที่ปราศจากข้อมูลรองรับของใครบางคน” ว่า เอเอสทีวี ได้ข้อมูลมาในฐานะผู้นำจิตวิญญาณขององค์กรถูกกระทำ และการที่เป็นฝ่ายถูกกระทำให้ผู้ที่ต้องการบอกเบาะแส มองว่าถ้ามอบข้อมูลกับบุคคลเหล่านี้แล้วเขาจะมีความปลอดภัย สิ่งนี้ยืนยันได้ว่าเราอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและแหล่งข่าว อย่างกรณีการออกหมายจับสองคนร้ายลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล คดีนี้ นายสนธิ รู้ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเดือน ซึ่งสังเกตได้จากที่เคยให้สัมภาษณ์ ว่า มีกระบวนการคุกคาม แทรกแซง ตัดตอนกระบวนการสอบสวน ถัดมาอีกไม่กี่วัน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ตามข้อเท็จจริงนั้น ตรงนี้หากถามว่าทำไมถึงรู้ ก็เพราะเรามีแหล่งข่าวที่ลึก และวันนี้ก็มีความคืบหน้าอีกหลายอย่าง จนเชื่อว่าสุดท้ายสังคมจะรู้ว่าใครทำ

นายปานเทพ กล่าวว่าที่บอกว่าตำรวจมาถูกทาง เพราะเรามีการข่าวว่าก่อนหน้ามีความพยายาม จะออกหมายจับไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยการทำงานเป็นไปอย่างรอบคอบและรัดกุม ชนิดเมื่อแค่ฟ้องแล้วคดีต้องไม่หลุดในชั้นศาล ซึ่งจากคำให้สัมภาษณ์ ของ ธานี ว่าเจออุปสรรค์ มีกระบวนการแทรกแซงครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2552 ทั้งๆที่หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นบอกว่าอีก 7 วัน จะจับคนร้ายได้ สุดท้ายก็ถูกแทรกแซง จึงเห็นได้ว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นไม่ใช่กระบวนการเล็ก ๆ โดยตั้งข้อสังเกต 1.ใครจะมีความสามารถทำได้ที่ให้ตำรวจกับทหารร่วมมือกัน 2.สามารถทำได้ช่วงการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินโดยการใช้อาวุธสงครามและหนีไปได้ 3. แทรกแซงกระบวนการสอบสวนได้แม้กระทั่า รอง ผบ.ตร.เข้าไปดูแล 4.กระบวนการที่ทำให้เกิดการคุมเคลือว่าคนร้ายอยู่ในสังกัดไหน ทำไมถึงไม่ส่งตัว เท่าที่สังเกตวิเคราะห์แค่นี้ก็รู้ว่าไม่ใช่คนปกติ หรือคนร้ายกระจอกที่จะทำได้

นายปานเทพ ให้ข้อสังเกตว่าหากการลอบยิงครั้งนี้ นายสนธิตายจริง เอเอสทีวี และพันธมิตรฯ จะสั่นคลอน อาจทำให้พันธมิตรฯ ส่วนหนึ่งไม่พอใจและออกมาเคลื่อนไหว จนเข้าแผนการคนบางกลุ่ม ก็จะเอามือที่สามเข้ามาป่วน ท่ามกลางการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินด้วยในขณะนั้น ย่อมมีโอกาสสุ่มเสี่ยงอ้างเหตุวุ่นวายจนนำไปสู่การรัฐประหารได้ ถ้าคิดต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นกับกลุ่มอำนาจปัจจุบันและกลุ่มอำนาจเก่าหากทำการปฎิวัติ คือ 1.กลุ่มอำนาจปัจจุบันรักษาเก้าอี้ ผลประโยชน์ตัวเอง โดยปราศจากนายอภิสิทธิ์ นายสนธิ และเอเอสทีวี ที่คอยเป็นเสี้ยนหนาม ซึ่งตอนนั้นเสื้อแดงก็คงถูกจับหรือสลายไปแล้ว ดังนี้สิ่งที่เขาได้นอกจากอำนาจ ผลประโยชน์อย่างมหาศาลแล้ว คดี 7 ต.ค. ก็อาจจะหายไปด้วย นี่คือผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจใหม่ ส่วนสิ่งที่กลุ่มอำนาจเก่าต้องการ คือ อิสรภาพ ทรัพย์สินที่ถูกยึดไป ผลประโยชน์อื่นๆ เช่นน้ำมันในอ่าวไทยที่เจรจาค้างไว้กรณีเขาวิหาร ที่ปัจจุบันเรื่องเหล่านี้ก็ดูสอดรับและเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

“การที่นายกฯพูดว่า จะปลด พล.ต.อ.พัชรวาท หากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดี เชื่อว่าคำพูดนายกฯ ที่ต้องการเปลี่ยนจริง นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี นั่นก็หมายความว่านายกฯ รู้ถึงปัญหา ถ้าสมมุติว่ามีใครสักคนเป็นรักษาการ ผบ.ตร. ที่ทุกคนรู้ว่าจะให้คุณให้โทษได้ ถ้าเขาทำงานอย่างเต็มที่ จะได้รับบำเหน็จ เลื่อนขั้น ข้าราชการย่อมมีกำลังใจ กลับกันใครก็ตามที่เป็นคู่ปฏิปักษ์ อย่างเช่น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อพันธมิตรฯ ในคดี 7 ต.ค. เขาย่อมไม่มั่นในในการดำเนินคดีนายสนธิ ดังนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ย่อมเป็นปัญหาในเรื่องการตัดสินใจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

นายปานเทพ กล่าวว่าอาจมีกระบวนการล้มกระดาน ทั้งในระบบและนอกระบบ เช่น ข่มขู่จนทำให้ตำรวจใส่เกียร์ว่าง ทำลายหลักฐานการใช้โทรศัพท์ที่จะโยงไปถึงบิ๊กสีเขียวตัวบงการ เพราะหากนายกฯ เอาจริง พร้อมกับถูกไล่ล่าหาความจริงจากกระบวนการตรวจสอบของสื่อ เชื่อว่าจะสร้างความบีบคั้นจนคนร้ายต้อง ล้มทั้งกระดาน อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลเสมือนเป็นการดักคอไว้แล้ว หากคนที่คิดจะล้มกระดาน คาดว่าน่าจะมีแนวทางที่พอจะทำได้อยู่สองอย่าง คือ 1.ทำให้เร็วกว่าปกติ 2.ไม่กล้าทำ ทั้งนี้ถ้าหากมีการปฎิวัติ อำนาจใหม่ที่ขึ้นมาเขาอาจจะไม่ใช้ตัวเขาเองขึ้นมาเป็นผู้กุมอำนาจ แต่จะเอาตัวแทนที่มองว่าลงตัวกับทุกฝ่าย เช่น นายเสนาะ เทียนทอง ถ้ามองต่อไปว่าหากมีการปฏิวัติสำเร็จ แล้วกลุ่มอำนาจใหม่กับอำนาจเก่าสมผลประโยชน์กัน กลุ่มคนที่จะออกมาต่อต้านก็คือพันธมิตรฯ เพราะฉะนั้นเขาถึงคิดที่จะจัดการกับพันธมิตรฯก่อนโดยเริ่มที่นายสนธิ ในฐานะที่เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนพลัง และบั่นทอนกำลังของสื่อ อย่างไรก็ดีกระบวนการคิดอย่างนี้ อยากเตือนว่าไปไม่รอด เพราะกลุ่มอำนาจใหม่ไม่มีมวลชน สุดท้ายกลุ่มคนเหล่านี้จะไม่มีแผ่นดินอยู่

นายปานเทพ กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งประชุมอาเซียนที่พัทยา ที่มีคนถ่ายภาพแล้วเอาไปลงไว้ในเว็บไซต์ยูทูป จะให้เห็นเลยว่าทหาร-ตำรวจเปิดทางให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปล้มการประชุมอาเซียน ด้วยเหตุนี้ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป็นกระบวนการรัฐประหารตั้งแต่ช่วงนั้นหรือไม่ และรถของนายกฯที่ออกมาไม่มีทหารตำรวจดูแล มันคือสัญญาณที่รัฐประหารไม่สำเร็จใช่หรือไม่ จนกระทั่งถึงเหตุการณ์สลายเสื้อแดงพอบรรยากาศความวุ่นวายหมดไป ก็อาศัยช่วง พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ลอบยิง นายสนธิ หวังทำให้เกิดความวุ่นวายจนนำไปสู่การทำรัฐประหาร อย่างไรก็ดีวันนี้ความวุ่นวายอย่างในคดี 7 ต.ค. ก็ไม่มี รัฐประหารก็ไม่ได้ แถมยังมีคดีลอบยิงนายสนธิ เข้ามาอีก ก็ยิ่งทำให้ร้ายกระวนกระวายใจมากขึ้น ทั้งนี้อยากฝากข้อคิดให้เสื้อแดง หากมีการปฎิวัติ มีคนสองกลุ่มได้ผลประโยชน์ กลุ่มหนึ่งล้าง คดี 7 ต.ค. รักษาอำนาจตัวเอง ล้างคดียิงนายสนธิ อีกฝั่งหนึ่งต้องการ ทรัพย์สิน อิสรภาพ ผลประโยชน์ที่อ่าวไทย และเชื่อว่าฝ่ายที่จะปฎิวัติก่อนต้องอยู่ในอำนาจรัฐปัจจุบันถึงทำได้ พอทำเสร็จก็หวังว่าอีกฝั่งหนึ่งได้รับการอุ้มชูมาแทนเขาได้ ขณะที่ฝั่งอำนาจเก่าก็คิดว่าถ้าฝ่ายอำนาจใหม่ขึ้นมาก็จะถูกโค่นล้มโดยง่าย แล้วกลุ่มอำนาจเก่าก็จะสถาปนาตัวเองควบคุมการเมือง สุดท้ายคนที่รับเคราะห์ ก็คือประชาชนที่ไม่รู้เรื่องกับคนเสื้อแดง

“แผนตากสิน 2 ไม่ได้ทำโดยเสื้อแดง แต่ทำจากทหารบางคน ที่ต้องการปล่อยให้เหตุการณ์ ลอบยิง นายสนธิ เป็นฝีมือเสื้อแดง ฉะนั้นนับจากชั่วโมงนี้ ไป ถ้าเหตุการณ์นิ่งเงียบจะไม่มีการรัฐประหาร ยกเว้นแต่จะมีคนสร้างเหตุการณ์ อะไรก็ตามที่เราเห็นเป็นสิ่งผิดปกติ ขอให้พึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีขบวนการที่จะนำไปสู่เงื่อนไขการรัฐประหารได้ ดังนี้ถ้าสังคม สื่อมวลชน ช่วยกันดู และนายกฯไม่ประมาท กระบวนการนี้จะอยู่ไม่ได้ เมื่อนั้นประเทศไทยจะกลับมาสงบอีกครั้ง” นายปานเทพ กล่าว
ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์
กำลังโหลดความคิดเห็น