เพื่อไทยเกณฑ์ ส.ส.ตั้งแถวจัดฉากรับหนังสือแกนนำเสื้อแดง คัดค้านผลสอบอนุฯ พัทยา อ้างรับไม่ได้ข้อหารุนแรงเกินเหตุ หวิวเห็นอัตราโทษชี้ไม่มีอำนาจเสนอ ตอแหลไม่ได้มีเจตนาล้มการประชุมแค่ต้องการไปพบนายกฯ โบ้ยเสื้อน้ำเงินตัวบาปพกอาวุธทำร้ายเสื้อแดงก่อน
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยนาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นพ.เหวง โตจิราการ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และพวก ได้แถลงข่าวไม่ยอมรับผลสรุปเบื้องต้นของคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยนายนิสิตกล่าวว่า ในรายงานดังกล่าวมีเนื้อหาผิดไปจากข้อเท็จจริง เพราะได้ระบุว่าเหตุที่นำไปสู่การล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน มาจากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมบุกโรงแรมรอยัล คลิฟบีช (วันที่ 11 เม.ย.52) ทั้งที่ความจริงผู้ชุมนุมไม่ได้ต้องการไปล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน และไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดการล้มประชุมสุดยอดอาเซียน เพียงแต่ผู้ชุมนุมต้องการไปพบนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นายกฯ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อกลุ่มเสื้อสีน้ำเงินที่ทำร้ายผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ที่เตรียมเดินทางกลับมาสมทบที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ยื่นหนังสือต่อตัวแทนอาเซียนแล้วเท่านั้น แต่นายกฯ ก็ไม่ให้ความเอาใจใส่เรื่องนี้ จึงเป็นมูลเหตุที่แท้จริงที่ต้องเดินทางไปพบนายกฯ ที่โรงแรมรอยัลคลิฟ มิใช่ไปปลุกระดมให้ใช้กำลังบุกสถานที่
นายนิสิตกล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์เคยประกาศว่าหากมีประชาชนมาเรียกร้องให้ลาออกอย่าว่าแต่หมื่นคนแสนคน แม้เพียงไม่กี่คนก็ต้องลาออกและยุบสภาแล้ว จึงทำให้คนเสื้อแดงคิดว่านายอภิสิทธิ์จะมีหลักธรรมของนักการเมืองที่สูงส่งตามที่เคยพูด จึงทำให้แกนนำเริ่มคิดที่จะเพิ่มแรงเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกและยุบสภาหลังจากวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอริสมันต์ในฐานะแกนนำจึงอาสาไปยื่นหนังสือต่อผู้นำประเทศต่างๆ ให้รับทราบว่า คนไทยปฏิเสธรัฐบาลอภิสิทธิ์ นอกจากนั้นอนุกรรมการฯ ยังได้ตั้งข้อกล่าวหาและชี้บทลงโทษการกระทำ และอัตราโทษต่อกรณีเสื้อแดงที่พัทยาด้วย ทั้งที่อนุกรรมการไม่มีอำนาจ
ด้าน นายอริสมันต์กล่าวต่อว่า ที่ติดใจคืออนุกรรมการปัดความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิงที่จะสืบค้นเรื่องเสื้อสีน้ำเงิน ทั้งที่ปมเงื่อนที่สำคัญสุดของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่พัทยาล้วนมาจากกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินที่มีนายเนวิน ชิดชอบ เป็นผู้สั่งการ ทั้งที่ นปช.มีภาพถ่ายชัดเจนว่ากองกำลังเสื้อน้ำเงินเป็นหนึ่งเดียวกับตำรวจ และทหารที่รักษาการณ์ในบริเวณนั้นพร้อมอาวุธจำนวนมาก ทำให้ตำรวจและทหารจงใจปล่อยให้พวกน้ำเงินพกอาวุธจำนวนมาก มีการจัดแถวร่วมกับตำรวจทหารอย่างใกล้ชิด ข้อสรุปทั้งหมดจึงเป็นเรื่องของการใส่ร้ายที่นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ที่พัทยา โกหก เพราะเป็นเพียงการรับฟังคำให้การจากฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีการเชิญแกนนำ นปช.ไปให้ข้อมูลแม้แต่คนเดียว เนื่องจากนายอโณทัยเคยเป็นนายประกันให้กับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ พธม.และพวกในคดียึดทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น แกนนำ นปช.ทั้งหมดได้ยื่นภาพถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ของกองกำลังเสื้อน้ำเงิน และหนังสือขอให้ยกเลิกผลสรุปของอนุกรรมการชุดดังกล่าว ต่อนายขจิต ชัยนิคม ส.ส.มหาสารคาม นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.ของพรรคเพื่อไทย นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสารคาม ที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง เพื่อขอให้กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้พิจารณายกเลิกและทบทวนผลสอบดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการกรณีเหตุการณ์ที่พัทยานั้น มีข้อสรุปพร้อมหลักฐานชัดเจนว่า การล้มประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยานั้นไม่ได้เกิดจากคนเสื้อน้ำเงินหรือการกระทำของเจ้าหน้าที่ แต่เป็นการจงใจของแกนนำคนเสื้อแดงที่ต้องการจะล้มการประชุมดังกล่าว เพื่อจุดชนวนความรุนแรงนำไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมือง จนเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ มีหลักฐานว่า แกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลที่จะล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยาให้ได้ และมีการระดมผู้ชุมนุมจากหน้าทำเนียบรัฐบาลไปเพิ่มเติมกับคนเสื้อแดงที่พัทยาตั้งแต่คืนวันที่ 10 เม.ย.
ทั้งนี้ คืนวันที่ 10 เม.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปลุกระดมผ่านวิดีโอลิงก์ให้คนเสื้อแดงไปรวมตัวกันที่พัทยาให้มากๆ โดยอ้างว่าคนเสื้อแดงถูกคนเสื้อน้ำเงินทำร้าย เพราะฉะนั้นคนเสื้อแดงจะยอมไม่ได้ และอ้างว่าเมื่อคนเสื้อแดงเจ็บ ตนก็เจ็บด้วย
นอกจากนี้ยังมีข้อน่าสังเกตอีกว่า ในช่วงเวลากลางวันของวันที่ 10 เม.ย. นายอริสมันต์ได้ยื่นหนังสือต่อนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนเพื่อแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่คนเสื้อแดงจะยกพวกเดินทางขึ้นไปยังโรงแรมรอยัลคลิฟบีชอีกครั้ง ถ้าไม่มีเจตนาจะล้มการประชุม